หนุ่มขโมยกระเป๋า อยากเป็นโจรเพื่อเป็นของขวัญวาเลนไทน์ให้เมีย แต่จำวันผิด
ยังไงนะ? หนุ่มขโมยกระเป๋า อยากเป็นโจรเพื่อเป็น “ของขวัญวาเลนไทน์” ให้เมีย แถมจำวันผิด บอกไม่เป็นไร ได้ติดคุกสมใจ ชีวิตข้างนอกโหดร้าย
เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 15 ก.พ. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะกง หลังได้รับแจ้งเหตุเหตุวิ่งราวกระเป๋าเงิน ที่ร้านปิยไพรช้างทองของเก่า พื้นที่ ม.1 ต.หอมศีล อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จึงประสานกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ
เมื่อถึงที่เกิดเหตุ พบนายสมเดช ปิยไพร อายุ 59 ปี กับนางไย ปิยไพร อายุ 62 ปี สองสามีภรรยาเจ้าของร้าน ยืนควบคุมตัวนายอนุชา อายุ 42 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุวิ่งราวกระเป๋าเงินเอาไว้ได้
เจ้าของร้านเล่าว่า พวกตนเห็นนายอนุชา เข็นรถเข็นที่บรรทุกเศษพลาสติก เดินมาหน้าร้าน แล้วเก็บเศษเหล็กของที่ร้านที่วางไว้นำมาขาย นางไยก็พยายามสอบถามว่า เอาเหล็กกับเศษพลาสติกมาจากไหน นายอนุชาก็บอกว่าเก็บมาได้ไม่ได้ขโมยมา
ก่อนจะดูกล้องวงจรปิด พบว่านายอนุชาขโมยของหน้าร้านมาขายให้กับที่ร้าน พอจับได้นายอนุชาก็โวยวาย บอกให้เรียกตำรวจมาได้เลย พอจะเรียกมาจริงๆนายอนุชาก็โวยวาย ก่อนจะอาศัยจังหวะที่นายสมเดชเผลอ แล้วคว้ากระเป๋าวิ่งหนีเข้าไปหลังร้าน ซึ่งคนในร้านเห็นนางไย พยายามตะโกนเรียกให้นายอนุชาหยุด แต่นายอนุชากลับหันมาบอกว่า ถ้าอยากได้ให้วิ่งตามมาเอาเอง
ทำให้นายสมเดชและลูกน้องช่วยกันวิ่งตาม ก่อนจะพบว่าผู้ก่อเหตุกระโดดลงบ่อน้ำ ห่างจากร้าน 1 กม. แล้วเรียกตัวให้ขึ้นมาบนฝั่ง เบื้องต้นนายอนุชา เผยว่าที่ทำลงไป เพราะอยากเป็นโจรเพื่อเป็นของขวัญให้เมียในวันวาเลนไทน์ แต่พอมารู้ตัวอีกตนเองจำวันผิด แต่ก็สมใจเพราะยังไงก็อยากติดคุกอยู่แล้ว เนื่องจากข้างนอกมันโหดร้ายกับชีวิตตน และตอนที่หยิบกระเป๋าของนายสมเดช บอกว่าตนไม่รู้สึกตัว จนได้ยินเสียงตะโกนว่าเอากระเป๋าเงินไป ก็รู้ตัวว่าหยิบกระเป๋าเงินเขามาแล้ว ทำให้ต้องวิ่งต่อไปสุดท้ายก็ถูกจับได้ในที่สุด