‘ช่างภาพ’ โดนสั่งพักงาน 5 วัน คดีพ่นสีวัดพระแก้ว ลั่นไม่ได้มอบหมายให้ทำข่าว
สเปซบาร์ ต้นสังกัด สั่งพักงานนายณัฐพล ช่างภาพ เป็นระยะเวลา 5 วัน คดีพ่นสีวัดพระแก้ว ลั่นไม่ได้มอบหมายให้ทำข่าว ยืนยันเป็นกลางทางการเมือง
จากกรณีที่ศาลให้ประกัน นายณัฐพล เมฆโสภณ ผู้สื่อข่าวประชาไท และนายณัฐพล พันธ์พงส์สานนท์ นักข่าวและช่างภาพอิสระ ที่ถูกจับกุม ฐานความผิด พ.ร.บ.โบราณสถาน เป็นเงินสด คนละ 35,000 บาท โดยอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวนตลอดจนถึงชั้นพิจารณา เว้นแต่จะมีการฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาที่หนักกว่า โดยไม่กำหนดเงื่อนไขใดๆ
ล่าสุด บริษัท เดอะ สเปซบาร์ จำกัด ออกแถลงชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก โดยทางสำนักข่าวได้สั่งให้ นายณัฐพล พันธ์พงส์สานนท์ หยุดปฏิบัติงาน 5 วัน พร้อมระบุว่าไม่ได้มีการสั่งให้ไปทำข่าวแต่อย่างใด
โดยทาง สเปซบาร์ ระบุว่า “จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวโทษดำเนินคดี นายณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ ช่างภาพประจำกองบรรณาธิการ SPACEBAR ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหายจากการขีดเขียนข้อความ ได้จับกุมตัวเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2567และนำตัวขอฝากขังต่อศาล ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2567 โดยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ระหว่างต่อสู้คดี
บริษัท เดอะ สเปซบาร์ จำกัด ขอชี้แจงว่า
1. บริษัท ฯ ให้นายณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นชั่วคราว มีกำหนดเวลา 5 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 – 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงในกรณีที่นายณัฐพลถูกตั้งข้อหาที่นำไปสู่การจับกุมในครั้งนี้
2. สำหรับเหตุการณ์ที่นำไปสู่การจับกุมนายณัฐพล คือ การพ่นสีสเปรย์ข้อความบนกำแพงวัดพระแก้ว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2566 ในครั้งนั้น บริษัทฯ ได้ตรวจสอบตามสายงานบังคับบัญชา ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ไม่ได้มีการมอบหมายงานให้นายณัฐพล หรือช่างภาพคนใด ไปถ่ายภาพเหตุการณ์ดังกล่าวและนายณัฐพลยอมรับว่าไปถ่ายภาพเหตุการณ์นั้นเอง
บริษัทฯ ได้ตักเตือนนายณัฐพลว่า อย่าให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะวัดพระแก้วเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยนับถือ สักการะ การใช้วัดพระแก้วเป็นพื้นที่แสดงออกทางการเมือง เป็นกลยุทธ์ในการสร้างความสนใจ แต่เป็นพฤติกรรมที่ทำร้ายจิตใจของคนไทย ไม่ควรสนับสนุน เผยแพร่พฤติกรรมเช่นนี้
3. บริษัทฯ ยืนยันว่า ในฐานะสื่อ เราเป็นกลางในทางการเมือง ให้พื้นที่กับกลุ่มกิจกรรม พรรคการเมืองทุกกลุ่มเท่าเทียมกัน เราสนับสนุนการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่สนับสนุนอุดมการณ์ทางการเมืองใด ๆ ที่สร้างความแตกแยกในสังคม และไม่อ้างสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน มาปกป้อง ปกปิดการกระทำที่มีวาระแอบแฝงทางการเมือง”