โรม เปิดข้อเท็จจริงกลางสภา จนถึงวันนี้ ผู้ก่อเหตุรุนแรงยังไม่โดนคดีทั้งสิ้น
ประชุมสภาวันนี้ รังสิมันต์ โรม พรรคก้าวไกล ลุกอภิปราย ญัตติด่วน มาตรการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ เผยถึงวันนี้กลุ่มที่ก่อความรุนแรงไม่โดนดำเนินคดีใด ๆ ฝากถึงเศรษฐา และรัฐบาล ระวังคนจะหาว่า รัฐบาล คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มคนเหล่านี้
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 17 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ประเด็นพิจารณา ญัตติด่วน เรื่องมาตรการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จพระราชดำเนินฯ นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นอภิปราย
โดยยอมรับว่าหลายคนมีความรู้สึกต่อเรื่องนี้ต่าง ๆ นานา แต่หากไม่พิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างมีวุฒิภาวะ ด้วยจิตใจที่มั่นคง สิ่งที่ท่านทั้งหลายกำลังร่วมกันสร้าง คือ การสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัว หลักฐานสำคัญ คือ การทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้ต่อนักเคลื่อนไหว เกิดขึ้นต่อหน้าตำรวจ ต่อหน้าสื่อมวลชน เกิดขึ้นกลางเมืองต่อหน้าธารกำนัล ต่อหน้าเมืองหลวงที่คนผ่านไปมาจำนวนมาก และจนถึงวันนี้หลังจากมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เท่าที่เช็กจากข่าวล่าสุดก็ไม่ได้มีการดำเนินคดีกับพวกที่ก่อความรุนแรงดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ในการขับรถติดตามขบวนสเด็จของตะวันและเพื่อน ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการด้วยความใจเย็นเป็นอย่างมาก การควบคุมสถานการณ์ของตำรวจมีวุฒิภาวะ สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ได้เกิดขึ้นจริง ตนเองเชื่อว่า หากกลุ่มนักเคลื่อนไหวมีความพยายามกระทำบางอย่างที่มากกว่าที่เห็น อย่างการบีบแตร การขับรถจี้ได้ ตนก็เชื่อว่าตำรวจที่รักษาความปลอดภัยก็คงมีมาตรการที่มากขึ้น เพื่อรักษาความปลอดภัยให้บรรลุผลให้ได้
ยิ่งหากพิจารณาต่อไป ด้วยวิธีคิดตามตัวบทกฏหมายที่มี ตามมาตรา 5 ประกอบมาตรา 7 กฎหมาย ให้กว้างขวางและเพียงพอ กฎหมายไม่ได้เจาะจง แต่ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานกรณ์ให้เหมาะสมกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งทั้งหมดที่ตนกล่าวมา สำคัญคือวันนี้ต้องมีสติ
สิ่งที่เกิดขึ้นของบรรดานักเคลื่อนไหวหากมีการกระทำผิดจริงตามกฎหมาย เรื่องนี้ นายรังสิมันต์ ระบุว่า สามารถเข้าใจได้ แต่ถึงที่สุดหากจะมีการปรับใช้กฎหมายสำคัญที่มากไปกว่านั้น ก็คือ ต้องใช้อย่างโปร่งใส ได้สัดส่วนกับความผิดที่เกิดขึ้นจริง
คำถามสำคัญ คือ วันนี้ความผิดดังกล่าวกับกฎหมายที่ปรับใช้นั้นได้สัดส่วนหรือไม่ ซึ่งผู้มีอำนาจเป็นผู้ที่ต้องตอบคำถามนี้ หากมิเช่นนั้น ก็จะเกิดเป็นความขัดแย้งใหม่ เป็นความขัดแย้งที่อาจลุกลามบานปลายและไม่จบสิ้น ปัญหาเดิมยังไม่แก้ ปัญหาใหม่กำลังจะมา
พูดกันอย่างตรงไปตรงมา ตนผิดหวังกับท่าทีของนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ดีของบ้านเมืองนี้ การพูดว่า “ผมและคณะรัฐมนตรีไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง และขอให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อปกป้องสถาบัน ตนฟังตอนแแรกเหมือนจะดี เพื่อปกป้องสถาบันแปร ว่าอะไรครับ ตนฟังท่อนแรกเหมือนว่าจะดี เคร่งครัดกับผู้ที่ก่อความรุนแรงเลย ราวกับว่า ท่านไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง แต่ท่านไม่ได้เรียกร้องให้มีการบังคับใช้กฎหมายกับพวกที่ก่อความรุนแรง เช่นนี้แล้วเราจะปกครองบ้านเมืองกันอย่างไร
ตนอยากให้พวกท่านทั้งหลายที่กำลังทำหน้าที่ที่สำคัญ ก่อนพูดอะไรลองถามตัวเองก่อน ว่าที่พูดไปนั้น พูดแล้วได้อะไรขึ้นมา หากถอยไปสักนิด การกระทำของกลุ่มนักเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ พวกเขาก็พยายามนำเสนอวิธีการอย่างสงบในการที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เราอาจจะเห็นเขาตั้งคำถามหลายคำถามเสียดแทงจิตใจของสังคม ผ่านการติดสติ๊กเกอร์ ไม่เห็นด้วยกับการที่เขาถาม ปวดร้าวทางจิตใจ
แต่พวกเขาไม่ได้ลงมือทำร้ายใคร เขาทำแบบนี้อาจะเพราะที่ผ่านมา เรากำลังทำหน้าที่ในสภานี้ไม่ดีพอ เราไม่สามารถจะเอาบทสนทนาที่เกิดขึ้น บนท้องถนนเข้าสู่สภาแล้วพูดแทนพวกเขาได้ เราอาจกำลังล้มเหลวแล้วปล่อยให้พวกเขาไปดิ้นรนหาวิธีการกันเอง แล้วสิ่งที่ตามมาคือการบังคับใช้กฎหมายนิติสงคราม ทำให้คนที่รณรงค์ผ่านด้วยการถามสติ๊กเกอร์ กลายเป็นต้องใช้วิธีการอื่น เพื่อให้ประเด็นของพวกเขาถูกสนใจ
ต่อมา นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ลุกขึ้นประท้วง สส. บัญชีรายชื่อก้าวไกล ว่า อภิปรายนอกประเด็นที่ได้เสนอไป ทั้งรูปภาพที่ออกมา จึงขอประธานได้วินิจฉัยให้อยู่ในประเด็น ซึ่งฝั่งของนายรังสิมันต์ก็แย้งผู้ประท้วงว่า ท่อนไหนของตนที่ไม่อยู่ในญัตติ เนื่องจากทุกคนนกำลังพูดถึงรักษาความปลอดภัย แต่มาตรการรักษาความปลอดภัยต้องอยู่บนความเป็นจริง ถ้าไม่พูดถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและมีสติ จะรักษาความปลอดภัยกันได้อย่างไร
จากนั้น “นายรังสิมันต์” อภิปรายต่อถึงสัญญาณของการสร้างความหวาดกลัวที่เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ กลุ่มที่เรียกตัวงเองว่า ศปปส. โพสต์ข้อคาวมปลุกปั่นในโซเชียลมีเดีย ว่า จะเชือดไก่ให้ลิงดู เก็บตะวันที่อายุ 20 ปี เป็นคนแรก ขู่ฆ่าน้องหยกที่อายุ 15 ปี หรือ กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า อาชีวะราชภักดี ที่ขู่จัดการสายน้ำตามสไตล์อาชีวะก่อนค่อยคุย
มาถึงตรงนี้ นายเกชา ลุกประท้วงอีกครั้ง ก่อนประธานจะวินิจฉัยว่า ยังพอไปต่อได้
รังสิมันต์ โรม กล่าวต่ออีกครั้ง โดยหนนี้เป็นประเด็นที่ยังมีความรุนแรง และถ้อยคำอีกจำนวนมากที่กล่าวโดยผ่านบุคคลสำคัญจำนวนมาก แม้กระทั่งรัฐมนตรีช่วยฯ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ที่กล่าวไปไกลถึงการเนรคุณแผ่นดิน
นายรังสิมันต์ โรม ชี้ว่า การปลุกปั่นแบบนี้ ที่ตนพูดมาแล้วอยู่ในญัตติที่ยังฟังไม่จบ เพราะว่าท่านกำลังปลุกปั่นให้สถานการณ์ร้ายแรงเกินกว่าความเป็นจริงมาก แล้วสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา คือ การทำให้คนทั้งสังคมไม่รู้สึกปลอดภัย ดังนั้นจะสร้างหรือออกแบบรักษาความปลอดภัยด้วยอะไร ในเมื่อสุดท้ายผีที่สร้างขึ้นมา มาจากพวกท่านเอง
“ท่านประธานครับ ถ้อยคำรุนแรงเหล่านี้สุดท้ายนำไปสู่ การข่มขู่ว่าจะโยนกลุ่มคนเหล่านี้ เยาวชนเหล่านี้ลงจากสกายวอล์ค ถ้าวันหนึ่งเราปล่อยให้สถานการณ์บานปลายไปเรื่อย ๆ ซึ่งผมในฐานะของ สส. คนหนึ่งที่พยายามจะดึงสติ หากไม่มีการดึงสติกันเลย แล้วเกิดขึ้นจริงใครจะรับผิดชอบ ผมจึงอยากใช้โอกาสนี้ส่งไปถึงนายกรัฐมนตรี ไปถึงรัฐบาล สติ ! ครับ เพราะหากความรุนแรงเกิดขึ้นแล้ว สุดท้ายผู้ที่ใช้ความรุนแรงซึ่งวันนี้รู้สึกว่า ใช้ความรุนแรงโดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเนี่ย คนเขาจะหาว่า รัฐบาล คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มคนเหล่านี้ อย่าให้ไปถึงจุดนั้นเลยครับ ขอบคุณครับ ท่านประธานครับ” นายรังสิมันต์ ระบุ.
- ฝากขัง ตะวัน-แฟรงค์ ตำรวจยื่นค้านประกัน ชี้ศาลเมตตา แต่ก็ยังก่อเหตุซ้ำ
- เศรษฐา กำชับความปลอดภัย หลัง ตะวัน บีบแตรใส่ขบวนเสด็จพระเทพ
- ผบ.ทร. ขอให้คนไทยเข้าใจ ขบวนเสด็จ ต้องเคลียร์จราจร เพื่อถึงที่หมายทันเวลา