‘นักข่าวประชาไท-ช่างภาพ’ ยันไปทำข่าวตามหน้าที่ เป็นการคุยกันหาข่าว
นักข่าวประชาไทย และ ช่างภาพอิสระ ยืนยันไปทำข่าวตามหน้าที่ ส่วนภาพกล้องวงจรปิด เป็นการคุยกันหาข่าว ลึกๆแอบคิดว่าอาจจะมีการกลั่นแกล้ง
จากกรณีที่ศาลให้ประกัน นายณัฐพล เมฆโสภณ ผู้สื่อข่าวประชาไท และนายณัฐพล พันธ์พงส์สานนท์ นักข่าวและช่างภาพอิสระ ที่ถูกจับกุม ฐานความผิด พ.ร.บ.โบราณสถาน เป็นเงินสด คนละ 35,000 บาท โดยอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวนตลอดจนถึงชั้นพิจารณา เว้นแต่จะมีการฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาที่หนักกว่า โดยไม่กำหนดเงื่อนไขใดๆ
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดภาพกล้องวงจรปิด และระบุว่าพบกลุ่มบุคคลผู้ก่อเหตุไปเตรียมการล่วงหน้า 1 วัน ก่อนจะลงมือในวันถัดมา ซึ่งกล้องวงจรปิดปรากฏภาพผู้สื่อข่าวและช่างภาพที่ถูกดำเนินคดีร่วมอยู่ด้วยทั้ง 2 วัน ตามที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น
ช่างภาพอิสระกล่าวว่า ตนได้เจอน้องผู้ที่ก่อเหตุในการทำกิจกรรมยืน หยุด ขังที่หน้าศาลฎีกา จำไม่ได้ว่าก่อนที่จะมีเหตุพ่นสีหรือไม่ ก็มีการพูดคุยกัน คิดว่าการคุยกับแหล่งข่าวเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ว่าห้ามคุยกัน เป็นการหาข่าว ไม่ได้เป็นหลักฐานว่าเป็นพวกเดียวกัน ตนรู้ก่อนจะมีการทำกิจกรรมพ่นสี 10 นาที มั่นใจว่าตนไปรายงานสถานการณ์และไปสังเกตการณ์ ไม่ได้เข้าไปขัดขวางกระบวนของเจ้าหน้าที่
ตนถ่ายภาพอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ได้นัดแนะกัน ก็ต้องดูว่าตำรวจมีพยานหลักฐานว่าตนนัดแนะกับผู้ก่อเหตุจริงหรือไม่ แต่คิดว่าคงไม่มี เมื่อถามว่าตำรวจมีกล้องวงจรปิดว่า เราไปถึงสถานที่ก่อน 10 นาที มีการพูดคุยกันก่อนก่อเหตุ ซึ่งมีการคุยกันจริง แต่ไม่ใช่วันที่เกิดเหตุ น่าจะเป็นวันที่ไปถ่ายกิจกรรมหยุดขัง ส่วนที่ตนทราบการจัดกิจกรรมพ่นสีนั้นก็มาจากเพื่อนนักข่าว
ที่ผ่านมาตนวางตัวชัดเจนว่า เรามาทำงาน วางตัวระดับหนึ่งแล้ว ก็น่าจะชัดเจนแล้วว่า เรามาทำงานจริงๆ มั่นใจว่าเรามีเส้นแบ่งชัดเจน แต่คนที่มองเข้ามาอาจจะคิดไม่ตรงกับเราหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ ในใจลึกๆ คิดว่าอาจจะมีการกลั่นแกล้ง เนื่องจากคดีที่โดนไม่น่าจะเกี่ยวกับตนเลย ไม่เคยคิดว่าจะโดนคดีเอง เพราะทุกทีเป็นคนทำข่าว
เมื่อถามว่า ตอนจับกุมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายหรือไม่ ช่างภาพอิสระ กล่าวว่า รู้สึกดีที่มีส่วนช่วยให้ พ.ร.บ.อุ้มหายสำเร็จ เพราะตอนจับกุมเจ้าหน้าที่ย้ำเสมอว่า บันทึกภาพวิดีโอ และบอกว่าสามารถแจ้งทนายความได้
ขณะที่ผู้สื่อข่าวอีกคน ระบุว่า ตนไม่คิดว่าหลักฐานของตำรวจมีแค่นั้น จะเอาตีความขยายว่าร่วมกันกระทำการดังกล่าวได้ ซึ่งการสู้คดีก็ขอพูดคุยกับทนายความก่อน ยืนยันว่าเราไปทำข่าว ไม่ได้ไปสนับสนุนใดๆ ตนไม่ทราบถึงรายละเอียด รู้เพียงว่ามีการจัดกิจกรรม จึงขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก
ยืนยันในหลักการว่าเราไปเสนอข่าวในวันนั้นจริง เมื่อถามว่าทราบข่าวจากไหนว่าจะมีกิจกรรมพ่นสี ผู้สื่อข่าวกล่าวว่า อันนี้ขอปรึกษาทนายความก่อน ไม่สามารถให้สัมภาษณ์ประเด็นนี้ได้ ส่วนหลังจากนี้ก็ยังคงทำงานเหมือนเดิม ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เรื่องการทำงานอาจจะมีการคุยกันในกองข่าว
ศาลให้ประกัน นักข่าวประชาไท-ช่างภาพอิสระ คนละ 3.5 หมื่นบาท
ตำรวจยกกล้องวงจรปิด ชี้ นักข่าวประชาไท-ช่างภาพ รู้เห็นพ่นกำแพงวัดพระแก้ว