ผอ.สำนักพุทธ ขอนแก่น โดนดูดเงินล้าน เกลี้ยงบัญชี รับคิดจะฆ่าตัวตาย
ผอ.สำนักพุทธ ขอนแก่น โดนดูดเงินล้าน เกลี้ยงบัญชี เหลือแค่ 0.87 สตางค์ ขณะหาตั๋วเครื่องบิน รับคิดจะฆ่าตัวตาย แต่ได้พระผู้ใหญ่เตือนสติ
ว่าที่ร้อยตรี จุลสัน ทันอินทร์อาจ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนถูกมิจฉาชีพดูดเงินเกลี้ยงบัญชี โดยผู้เสียหายเล่าว่า ตนตั้งใจจะจองตั๋วเครื่องบินไป กทม.ในวันที่ 5-6 ก.พ. จึงได้หาตั๋วเครื่องบินในกูเกิล จากนั้นเห็นลิงก์ของสายการบินไทย แต่ก็ยังไม่ทันได้ซื้อตั๋ว เพราะจองสายการบินอื่นได้ก่อนเพราะราคาถูกกว่า จากนั้นได้มีไลน์สายการบินไทยได้ทักมาว่า สนใจสมัครสมาชิกไว้หรือไม่ ตนเองเห็นว่าสายการบินไทย เป็นของคนไทย สมัครสมาชิกไว้ก็ไม่เสียหลาย ถือเป็นการช่วยสายการบินของประเทศไทยไปในตัว จึงตัดสินใจสมัครโดยการส่งชื่อภาษาอังกฤษกับเบอร์โทรศัพท์ประจำตำแหน่งให้ ซึ่งไม่ใช่เบอร์ส่วนตัวที่ผูกกับแอปธนาคารกรุงไทย เพราะกลัวมิจฉาชีพ
จากนั้นช่วงบ่าย ได้มีไลน์ของการบินไทยที่ใช้ติดต่อกันนั้น วิดีโอคอลเข้ามาตนเองจึงรับสาย แต่ต้นทางไม่เปิดหน้า จากนั้นให้ตนเองยืนยันการสมัคร มีทั้งการสแกนใบหน้า ด้วยความที่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยของสายการบิน จึงต้องมีการสแกนใบหน้าและตั้งรหัส ก่อนมิจฉาชีพจะวางสายไป จากนั้นวันเดียวกันในช่วงค่ำ ตนเองจึงเปิดแอปธนาคารกรุงไทย เพื่อเช็กเงินในบัญชี
แต่พอดูยอดเงินกลับเหลือเพียง 0.87 สตางค์ เกิดอาการช็อกว่าเงินหายไปได้อย่างไร วันเดียวกันในเวลา 5 ทุ่มจึงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ โทรเข้าธนาคาร ตอนเช้าก็ไปแจ้งธนาคาร แต่ทำอะไรไม่ได้ ทางตำรวจอายัดได้ 2 บัญชี ที่เงินถูกโอนไป แต่มีเงินเหลือแค่ 300 บาทเศษในบัญชีที่ถูกอายัด จากนั้นตนเองจึงเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานตำรวจไซเบอร์ที่ส่วนกลาง ก่อนจะทำเรื่องยื่นฟ้องคดีผู้บริโภคกับธนาคารเจ้าของบัญชีทาง E-filing
ว่าที่ร้อยตรี จุลสัน ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดจากความประมาทของตนเองเพราะไม่ได้มีการเปิดแอปธนาคารกรุงไทยเลยในขณะทำรายการกับลิงก์ที่อ้างว่าเป็นของการบินไทย แต่เป็นการทักไปในไลน์ และส่งเฉพาะเบอร์มือถือที่ไม่ได้ผูกกับธนาคาร และท่านตั้งค่าการโอนเงินไว้ไม่เกิน 500,000 บาท แต่เคสนี้โอนออกเป็นล้าน และการโอนเงินเกิน 50,000 ต้องสแกนใบหน้า ซึ่งที่ว่ามาก็เป็นเพียงการให้ธนาคารผู้รับฝากชดใช้เงินอันเกิดจากระบบความปลอดภัยทางธนาคารไม่เพียงพอ แต่ท้ายสุดในส่วนของคดีอาญา ก็ตามเอาเงินคืนกับมิจฉาชีพชีพไม่ได้อยู่ดี เพราะหาตัวตนไม่เจอ และในวันเดียวกันกับที่ ผอ.ท่านถูกดูดเงินนั้น มีคนไปธนาคารพร้อมท่านอีก 2 ท่าน โดยคนนึงถูกดูดไปถึง 4 ล้านบาท ทาง ผอ.จึงดำเนินคดีจ้างทนายฟ้องธนาคาร
โดยนำทองไปขายเพื่อนำเป็นค่าใช้จ่ายและฟ้องคดี ในวันแรก ยอมรับว่าคิดฆ่าตัวตาย จึงได้โทรไปลาพระผู้ใหญ่ที่ตนรู้จัก จากนั้น “พระท่านสอนว่า คนเราเกิดมาตัวเปล่ากลับไปก็ตัวเปล่า ฉะนั้นอย่าให้การสูญเสียครั้งนี้มาทำลายชีวิตเราที่เหลืออยู่” ทำให้ตนเองตัดสินใจที่จะจบชีวิตตัวเอง