ยังไม่ให้ประกัน นักข่าวประชาไท-ช่างภาพอิสระ เผยโทษหนักจำคุกสูงสุด 7 ปี
ตำรวจยังไม่ให้ประกัน นักข่าวประชาไท และ ช่างภาพอิสระ เผย พ.ร.บ.โบราณสถาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 7 แสนบาท
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วย น.ส.คุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์ ทนายความจากศูนย์เพื่อสิทธิมนุษยชนเดินทาง มายังศาลอาญา ในคดีที่มีการยื่นคำร้องฝากขัง นายณัฐพล เมฆโสภณ ผู้สื่อข่าวประชาไท และนายณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ นักข่าวและช่างภาพอิสระ ที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ความผิด พ.ร.บ.โบราณสถาน จากที่ทำข่าวกรณีที่มีการพ่นสีข้อความสัญลักษณ์ไม่เอา 112 และเครื่องหมายสัญลักษณ์อนาธิปไตย (Anarchy) บนกำแพงวัดพระแก้ว เมื่อ 28 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมานั้น
น.ส.คุ้มเกล้า กล่าวว่า หมายจับออกโดยศาลอาญาเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 66 เป็นการออกหมายจับหลังจากเหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 66 จากกรณีที่มีนักกิจกรรมได้พ่นสีข้อความเชิงสัญลักษณ์บนกำแพงวัดพระแก้ว ซึ่งคดีมีการฟ้องแล้วอยู่ระหว่างสืบพยานในศาล แต่กลับมีการออกหมายจับนักข่าว 2 คนจากสำนักข่าวประชาไท และสำนักข่าวออนไลน์แห่งหนึ่ง ทั้งที่เวลาผ่านไปกว่า 1 ปี
โดยข้อหาที่โดนแจ้งเป็นผู้สนับสนุนทำลายโบราณสถาน ตาม พ.ร.บ.โบราณสถานมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปีปรับไม่เกิน 7 แสนบาท ซึ่งในการลงโทษฐานสนับสนุนจะไม่สูงเท่าตัวการ โดยผู้สนับสนุนจะมีโทษ 3 ใน 4 ของโทษเต็มซึ่งถือว่ายังเป็นโทษที่สูง ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยให้การว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนและช่างภาพเพื่อนำเสนอข้อเท็จจริง เพื่อที่จะนำพิจารณาในชั้นสอบสวนไปถึงพนักงานอัยการต่อไป เมื่อวานนี้ทางทนายความได้ขอยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในชั้นสอบสวนซึ่งมองว่าจากข้อหาความผิดในคดีและไม่มีพฤติการณ์หลบหนี
โดยการออกหมายจับไม่ใช่ออกเพราะจะหลบหนี แต่เป็นการออกหมายจับเพราะฐานความผิดโทษเกิน 3 ปี ซึ่งพนักงานสอบสวนมีเหตุที่จะให้ประกันในชั้นสอบสวนได้ แต่กลับไม่ให้ประกันและนำตัวมายื่นฝากขัง ซึ่งการฝากขังควรต้องมีเหตุจึงฝากขังได้ แต่คดีนี้ผ่านมา 1 ปีการสืบสวนสอบสวนควรต้องแล้วเสร็จไปแล้ว ก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะมีการยื่นคัดค้านการฝากขังซึ่งแม้อาจจะใช้ระยะเวลานานบ้างในวันนี้ แต่ผู้ต้องหาประสงค์ให้ยื่นเพราะไม่เห็นด้วยกับการดำเนินคดีฝากขังจากการทำหน้าที่นักข่าวในครั้งนี้ แต่ทางทนายก็จะถามความยินยอมว่าจะขอให้ทนายคัดค้านการฝากขังหรือยื่นประกันตัวเลย
เมื่อถามถึงเหตุที่พนักงานสอบสวนไม่ให้ประกันตัว น.ส.คุ้มเกล้า กล่าวว่า พนักงานสอบสวนระบุว่ามีหมายจับและคดีมีอัตราโทษจำคุกเกิน 3 ปีจึงให้เป็นอำนาจศาลพิจารณาซึ่งการดำเนินคดีครั้งนี้พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนกลับมองว่า ผู้สื่อข่าวไปทำข่าวเป็นผู้สนับสนุน สื่อมวลชนเองควรต้องตั้งคำถามกับพนักงานสอบสวนด้วย และคดีนี้ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไม่ถูกต้องตามกฎหมายเพราะเหตุเกิดในพื้นที่ สน.พระราชวังสถานที่คุมตัวควรเป็นที่นั่นเพราะมันเกี่ยวกับสิทธิผู้ต้องหา เช่นญาติทราบก็สามารถติดตามได้ แต่นี่ถูกแยกออกไปเป็น 2 สน.คือ สน.ฉลองกรุงอีกที่ก็ไม่ทราบว่าใช่อำนาจอะไรในการแยกการคุมตัวทั้งที่ สน.ฉลองกรุงไม่มีอำนาจสอบสวนด้วยทั้งที่เรื่องนี้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ตนคิดว่า วงการวิชาชีพสื่อควรตั้งคำถามกับพนักงานสอบสวนในพื้นที่ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติถึงแนวปฏิบัติในการดำเนินคดี กับผู้สื่อข่าวเพราะในปัจจุบัน มีทั้งผู้สื่อข่าวที่มีสังกัดและผู้สื่อข่าวอิสระ ว่าการยืนยันพฤติการณ์การทำข่าวจะเป็นอย่างไรต่อไปมันจะกลายเป็นภาระ ของตัวบุคคลนั้นในการต่อสู้คดีอาญา
ด้านนายกฤษฎางค์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่รัฐบาลและกระบวนการยุติธรรมจะต้องรับผิดชอบเต็มที่ จริงอยู่ที่มีหมายจับแต่หมายจับออกจากครบหนึ่งปีแล้วจนคดีที่นักกิจกรรมไปพ่นสีจะมีการสืบพยาน คดีฐานความผิดก็ไม่ได้รุนแรง ใช้เวลาสืบ 6-7 เดือนแล้วค่อยออกหมายจับแล้วก็ไม่ไปจับ เรื่องนี้สื่อมวลชนควรเรียกร้องไปยังรัฐบาล เพราะตำรวจก็อยู่ภายใต้รัฐบาล ทำไมทำแบบนี้ ยังจำกันได้หรือไม่ว่าอนุสาวรีย์ปราบกบฏหลักสี่ มันหายไป 7-8 ปีแล้วแต่ตำรวจยังไม่ไปตามจับสักที ทั้งที่หลักฐานข้อมูลก็มีจำนวนมาก
ถ้ายังทำแบบนี้คุณก็จะเห็นว่าเป็นการดำเนินกระบวนการยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน คดีนี้โทษเจ็ดปีก็จริงแต่ไม่มีอัตราโทษขั้นต่ำ ศาลจะลงโทษแค่ปรับก็ได้ และนักข่าวไม่ใช่โจรผู้ร้าย ทีโจรผู้ร้ายกลับให้ประกัน คดีฆ่ากันที่ชลบุรีตนไม่ได้ว่าเขาผิด แต่ให้ประกันตัวไป 8 แสนบาท แต่ทำไมนักข่าวกลับไม่ให้เขาประกันตัว เป็นคำถามที่ตนอยากให้ผู้สื่อข่าวทุกคนรักษาสิทธิของตัวเอง รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าสิทธิของสื่อมวลชนมีเสรีภาพในการทำข่าว เพราะหาก สื่อมวลชนไม่มีเสรีภาพจมอยู่ในความหวาดกลัวประชาชนก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องหยามเกียรติสื่อมวลชนไทย
- ‘เศรษฐา’ ชี้รัฐบาลให้เสรีภาพสื่อ ยืนยันไม่มีการกลั่นแกล้ง เป็นเรื่องฝ่ายมั่นคง
- ‘ตะวัน’ โผล่ศาลอาญา นั่งให้กำลัง ‘นักข่าวประชาไท’ ลั่นไม่หนี พร้อมถูกจับ