ข่าว

ผกก.ตรัง ยืนยันไม่ได้จับแพะ คดีฆ่าปาดคอพ่อค้าทอดมัน หลังครอบครัวร้องเพจดัง

ผกก.ตรัง ยืนยันไม่ได้จับแพะ คดีฆ่าปาดคอพ่อค้าทอดมัน ยืนยันมีพยานขณะเกิดเหตุ หลังครอบครัวผู้ต้องสงสัยร้องเพจสายไหมต้องรอด

จากกรณีที่ สภ.เมืองตรัง จับผู้ต้องสงสัยได้ 6 คน ซึ่งเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน โดยระบุว่าทั้ง 6 คนนั้น เกี่ยวข้องกับเหตุ ฆ่าปาดคอพ่อค้าทอดมันและแทงซ้ำอีก 6 แผล ในพื้นที่หมู่ 5 บ้านหนองหว้า ต.นาโยงใต้ อ.เมืองตรัง จ.ตรัง เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 21 ต.ค. 2566 ซึ่งทางผู้ต้องสงสัยยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง ก่อนที่ทางครอบครัวจะออกมาร้องกับเพจสายไหมต้องรอดและสื่อ เพราะตอนนี้ครอบครัวต้องหมดตัว ต้องขายของในบ้านที่มีทั้งหมดมาประกันตัวคนในครอบครัวออกมา แต่ก็ประกันตัวได้แค่ 3 คน เพราะไม่มีเงินประกันแล้วนั้น

ล่าสุด พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง กล่าวว่า คดีดังกล่าวได้ออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 6 ราย ต่อมาผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัวไปร้องเพจสายไหมต้องรอด ระบุว่าเป็นการจับแพะตามที่มีข่าวออกไปตามสื่อต่างๆในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา สำหรับเคสนี้หลังจากเกิดเหตุในเดือนต.ค. 2566 ไม่มีกล้องวงจรปิด เราต้องใช้การสอบสวนโดยเนื้อแท้ คือลงพื้นที่หาข่าว หาพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายค้นจากศาลเพิ่มเติม เพื่อค้นบ้านต้องสงสัยที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน เพราะในทางสืบสวนไม่ปรากฎข้อมูลเลยว่ามีบุคคลภายนอกเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ ทำให้เชื่อว่าคนก่อเหตุเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน หลักฐานที่ได้จากการสืบค้นเราก็ได้ส่งพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ และภายหลังเราพบว่ามีประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ และอยู่ในเหตุการณ์ด้วยตลอด มาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

สำหรับการสอบปากคำพยานเด็กนั้น ยืนยันว่าเราใช้การดำเนินการตามหลักวิชาชีพ โดยมีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพหญิงร่วมสืบสวนด้วย ตลอดทั้งมีการบันทึกภาพวิดีโอไว้ตามขั้นตอนกฎหมาย พยานบุคคลดังกล่าวให้การไปโดยธรรมชาติ เล่าลำดับขั้นตอนและรายละเอียดของผู้ลงมือก่อเหตุในลักษณะต่างๆ รวมทั้งการช่วยเหลือในการเคลื่อนย้ายศพได้อย่างชัดเจน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำพยานหลักฐานดังกล่าวส่งศาลขออนุมัติหมายจับ เราได้จับกุมตามหมายจับตามขั้นตอน และดำเนินการตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย และการให้การของเด็กเชื่อว่าไม่โกหก เพราะพนักงานสอบสวนเป็นผู้หญิงและไม่ใช่เป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีและไม่รู้เรื่องคดีนี้เลย เด็กเล่าไปโดยธรรมชาติ แล้วเด็กดังกล่าวก็เป็นญาติกับผู้ต้องหา จึงไม่มีเหตุผลที่เด็กจะให้การเท็จ

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง กล่าวว่า ยอมรับว่าในเคสนี้เราไม่ได้รับประโยชน์จากนิติวิทยาศาสตร์สักเท่าไหร่ เนื่องจากระยะเวลาผ่านมาค่อนข้างนาน น้ำหนักเลยไปอยู่ที่พยานบุคคล แล้วเรามีรายงานการสอบสวนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ต้องไปพิสูจน์กันบนชั้นศาล ทางผู้บังคับบัญชาทั้งตำรวจภูธรภาค 9 และ สตช. ได้สอบถามมายังจังหวัดตรัง และเราก็ชี้แจงไปแล้ว ผู้บังคับบัญชาในตำรวจภูธรภาค 9 ได้มาดูเนื้อสำนวนด้วยแล้วเช่นกัน ซึ่งไม่มีสิ่งใดน่าวิตกกังวล แต่ฝ่ายคู่กรณีก็มีสิทธิไม่ยอมรับ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา สุดท้ายก็ต้องไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาล

 

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button