ข่าวข่าวการเมือง

‘ลิณธิภรณ์’ โต้โพล ม.รังสิต ชี้ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ เสริมสร้างรากฐาน กระตุ้นเศรษฐกิจ

ลิณธิภรณ์ โต้โพล ม.รังสิต หลังโพลบอกประชาชนไม่เห็นด้วยกับ ดิจิทัลวอลเล็ต ชี้เป็นการเสริมสร้างรากฐาน และกระตุ้นเศรษฐกิจ

น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อและรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์หลังจากที่ผลสำรวจ Leadership Poll ม.รังสิต ในประเด็นความคิดเห็นต่อนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตพบว่า โดย 62.20% ไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าวและเห็นควรให้ระงับการดำเนินการนั้น

Advertisements

โดย น.ส.ลิณธิภรณ์ ระบุว่า การสำรวจครั้งนี้มีการเก็บข้อมูลทั้งสิ้นเพียง 543 ตัวอย่าง ด้วยวิธีคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ใน 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. ผู้นำภาคธุรกิจ: ตัวแทนนักธุรกิจที่ประกอบธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ 2. ภาคประชาสังคม:ตัวแทนภาคประชาสังคม NGO และมูลนิธิต่างๆ ในประเทศไทย

3. ภาคการเมือง:นักการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่น นายกเทศมนตรี รองนายกเทศมนตรี นายกและรองนายก อบจ. นายกและรองนายก อบต.ในทุกภูมิภาคของประเทศ 4. ภาคการศึกษา:นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัยผู้ดำรงตำแหน่งคณบดี รองคณบดี ในมหาวิทยาลัยรัฐ และมหาวิทยาลัยเอกชน

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายของโพลข้างต้น ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเดียวกันกับประชาชนที่เป็นเป้าหมายหลักของโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet และเป็นเป้าหมายสำคัญจากฐานราก ที่รัฐบาลเพื่อไทยให้คำมั่นสัญญาจะเสริมสร้างรากฐานที่แข็งแรง และกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ

ดังที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง เคยแถลงผลสรุปการประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.66 ว่า “นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลคือการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบ ให้เข้าถึงทุกพื้นที่ เพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยหมุนเวียนภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เป็นการลงทุนที่มอบสิทธิและอำนาจให้กับประชาชนช่วยกันกอบกู้เศรษฐกิจ ซึ่งจะก่อให้เกิดการลงทุนในภาคประชาชน ทั้งการรวมเงินในครัวเรือนเพื่อประกอบอาชีพ การซื้อ-ขายสินค้าของพ่อค้าแม่ค้า ไปจนถึงการสั่งผลิตสินค้าในโรงงาน SME ไปจนถึงโรงงานขนาดใหญ่”

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า สภาพการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบันจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นโดยเฉพาะเมื่อวันที่ 24 ม.ค. สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) แถลงปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ลงเหลือโตเพียง 1.8%

Advertisements

ล่าสุดมีรายงานว่าโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 ลง จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ 2.4% แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะต่ำกว่า 2% หรือไม่

มากไปกว่านั้น สำหรับตัวเลขการส่งออกปีนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 16 พ.ย.66 ว่าเบื้องต้นมีการประเมินเป้าหมายส่งออกไทยปี 2567 ว่าจะมีการขยายตัวที่ร้อยละ 1.99% มูลค่า 287,754 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 10 ล้านล้านบาท สอดคล้องกับที่ภาคเอกชนประเมินในฝั่งการผลิต คาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ 0-2

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวอีกว่า ดังนั้นตัวเลขส่งออกของไทยในปีนี้จึงถือว่าเติบโตน้อยกว่าสิ้นปีที่ผ่านมา ดังที่นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ สรุปมูลค่าการส่งออก ณ เดือนธ.ค.66 ที่กลับมาขยายตัวได้มากถึง 4.7% มูลค่า 22,791 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 7.95 แสนล้านบาท ส่งผลภาพรวมทั้งปีประเทศไทยขาดดุลการค้าอยู่ที่ 5,192 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ ตัวเลขจากหน่วยงานทางการเงินและการคลังเหล่านี้ ทั้งแบงก์ชาติ สศค.และกระทรวงพาณิชย์ต่างหาก ที่สะท้อนภาพจริงที่พี่น้องประชาชน 60 กว่าล้านคนกำลังประสบทั่วประเทศ ไม่ใช่เพียงกลุ่มตัวอย่างของการสำรวจเพียง 5 ร้อยกว่าคน

ขอย้ำว่า วิกฤตเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ คือสิ่งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเล็งเห็นและตระหนักอย่างดียิ่ง เราจึงให้คำมั่นสัญญาและดำเนินตามความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่อย่างดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท

 

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button