ข่าว

องค์กรนักศึกษา 9 สถาบัน แถลงร่วม รู้สึกสิ้นหวัง หลังคำวินิจฉัย ศาล รธน.

องค์กรนักศึกษา 9 สถาบัน แถลงร่วม รู้สึกสิ้นหวัง หลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กังวลจะนำไปสู่การดำเนินคดีทางการเมืองอย่างไม่เป็นธรรมต่อผู้เห็นต่าง

องค์การบริหารสโมสรนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการยื่นแก้ ม.112 ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ พรรคก้าวไกล เป็นการล้มล้างการปกครองและสั่งให้ยุติการกระทำตามที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น

Advertisements

โดย องค์การบริหารสโมสรนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงร่วมกับ เครือข่ายองค์การนิสิตนักศึกษาฝ่ายบริหาร 9 มหาวิทยาลัย

ประกอบด้วย

1. องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
2. องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น
3. องค์การบริหาร องค์การนิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
4. สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
5. องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
6. องค์การนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร
7. องค์การบริหารสโมสรนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
8. องค์การนิสิต มหาวิทยาลัยบูรพา
9. องค์การนิสิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

โดยระบุว่า “กรณี ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ทั้งนี้ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ว่าการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกลที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาเพื่อยกเลิก ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

เครือข่ายองค์การนิสิตนักศึกษาฝ่ายบริหาร ทั้ง 9 มหาวิทยาลัย มีความเห็นพ้องต้องกันว่า คำวินิจฉัยดังกล่าว ได้สร้างบรรทัดฐานทางการเมืองที่ไม่ถูกต้องแก่สังคมการเมืองประเทศไทย กล่าวคือ ประชาชนคือผู้มีอำนาจในการ สถาปนารัฐธรรมนูญ กฎหมาย และกฎเกณฑ์ต่าง ๆ อันสามารถแก้ไข ปรับเปลี่ยน หรือยกเลิกได้ตามบริบทสังคมและ บ้านเมืองที่แปรเปลี่ยนไปในทุกวัน โดยในห้วงเวลาที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าปัญหาจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้นมีอยู่จริง และถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองมาโดยตลอด

Advertisements

คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญต่อประเด็นดังกล่าวนับได้ว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่สถาบันตุลาการซึ่งควรจะพิทักษ์ รักษาไว้ซึ่งสิทธิ เสรีภาพของประชาชนเป็นใหญ่ กลับละทิ้งหลักการดังกล่าว แล้วเข้ามาแทรกแซงระบบการเมืองไทย อีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่านับตั้งแต่การรัฐประหาร ปีพุทธศักราช 2549 เป็นต้นมา และผลของคำตัดสินในครั้งนี้ได้สร้าง ความกังวลว่าอาจนำไปสู่การดำเนินคดีทางการเมืองอย่างไม่เป็นธรรมต่อผู้เห็นต่างทางการเมือง หรือแม้กระทั่งนำไปสู่ การยุบพรรคซึ่งเป็นสิ่งที่มิชอบธรรมตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย

พวกเราในนามนิสิตนักศึกษาขอส่งเสียงเรียกร้องถึงผู้มีอำนาจให้ทราบ และตระหนักถึงอนาคตของประเทศชาติ พวกเราต่างสิ้นหวังกับทุกสิ่งที่ท่านได้กระทำย่ำยีต่อหลักวิชาอันเป็นพื้นฐานที่ท่านร่ำเรียนมาเพื่อรับใช้ประชาชน หรือแม้แต่ศีลธรรมความถูกต้องที่ท่านต่างยึดถือ อำนาจที่ท่านมีมิใช่สิ่งจีรังยั่งยืน ย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป แม้ท่านจะห้ามมิให้ดอกไม้ผลิดอกบาน แต่มิอาจหยุดฤดูกาลที่แปรผัน”

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button