เปิดตู้เซฟ ส่องต้นทุนตู้ ATM ทำไมธนาคารต้องเก็บค่าธรรมเนียม เวลากดเงินสดผ่านตู้อัตโนมัติ ทำธุรกรรมข้ามเขต ข้ามจังหวัด ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
ขึ้นชื่อว่าค่าธรรมเนียม แม้จะจ่ายเพียงหลักสิบ แต่หลายคนยังเคลือบแคลงใจว่า ทำไมธนาคารต้องเก็บค่าธรรมเนียม เวลากดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม (ATM) ทั้งที่กดเงินสดจากตู้ธนาคารเดียวกัน แต่พอข้ามเขต ข้ามจังหวัดก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปเสียอย่างนั้น ยิ่งถอนเงินสดผ่านตู้กดต่างธนาคาร ยิ่งเสียค่าธรรมเนียมมากขึ้นไปอีก
เพื่อคลายความสงสัยที่มีอยู่ให้หมดไป ขอชวนทุกท่านมาเจาะลึก ต้นทุนตู้ ATM ค่าใช้แฝงต่าง ๆ ที่ธนาคารต้องเสียให้กับตู้ถอนเงินสดนี้มีมูลค่าเท่าไรกัน
ต้นทุนตู้ ATM กับค่าบำรุงรักษาที่ต้องจ่าย
สำหรับต้นทุนตู้เอทีเอ็มในปัจจุบัน หอสมุดรัฐสภา ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า ตู้ ATM มีต้นทุนเฉลี่ยประมาณเครื่องละ 400,000 – 500,000 บาท แต่ละเครื่องจะมีอายุการใช้งานประมาณ 8 – 10 ปี และในแต่ละปีอาจเปลี่ยนเครื่องอย่างน้อย 7,000 – 8,000 เครื่อง ทำให้มีต้นทุนต่อปีคิดเป็นประมาณ 3,200 ล้านบาท เมื่อนับรวมทุกธนาคาร
นอกจากต้นทุนตู้เอทีเอ็ม หลังการติดตั้งยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ซึ่งก็คือต้นทุนการผลิตและขนเงินสด โดยส่งจากศูนย์จัดการธนบัตรไปยังศูนย์เงินสด และจากศูนย์เงินสดไปยังตู้เอทีเอ็มหรือสาขา โดยทางธนาคารและสถาบันการเงินต้องแบกรับภาระในการขนเงินสดกระจายไปยังตู้ ATM ในจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งต้นทุนเรื่องการขนส่งเงินสดนี้ คิดเป็นร้อยละ 80 หรือมากกว่า 40,000 ล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ อย่าลืมว่าการติดตั้งตู้เอทีเอ็มก็เหมือนติดตั้งตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ทำให้มีค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ หรือต้นทุนในการให้บริการลูกค้าต่าง ๆ ดังนี้
- ต้นทุนค่าบำรุงรักษา : ตู้ ATM เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีราคาแพง อีกทั้งธนาคารต้องเสียค่าบำรุงรักษาและค่าไฟฟ้าในการใช้งาน รวมถึงค่าจ้างพนักงานซ่อมบำรุง
- ต้นทุนการทำธุรกรรม : การทำธุรกรรมผ่านตู้ ATM ต้องใช้ระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายการสื่อสาร ซึ่งธนาคารต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ
- ต้นทุนความปลอดภัย : ธนาคารต้องเสียค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการโจรกรรมเงินสดจากตู้ ATM
จะเห็นว่า ตู้ ATM เป็นเครื่องให้บริการด้านธุรกรรมที่มีต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาค่อนข้างสูง แม้ปัจจุบันผู้คนจะใช้เงินสดน้อย แต่ต้องยอมรับว่าประเทศไทยยังไม่ใช่สังคมไร้เงินสด เพราะยังมีผู้ใช้บริการจำนวนไม่น้อยมาถอนเงินที่ตู้ ATM
ค่าธรรมเนียมถือเป็นรายได้ของธนาคาร
อย่างที่กล่าวไปว่า ต้นทุนตู้เอทีเอ็มค่อนข้างสูง หากธนาคารไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมจากการกดเงินหรือทำธุรกรรมผ่านตู้ ATM ธนาคารอาจเสียรายได้ตรงนี้ เนื่องจากการเก็บค่าธรรมเนียม ถือเป็นผลตอบแทนจากการให้บริการกดเงิน ซึ่งเป็นบริการเสริมนอกเหนือจากการฝากถอนเงินสดผ่านสาขาของธนาคาร
อย่างไรก็ตาม ธนาคารบางแห่งอาจยกเว้นค่าธรรมเนียมกดเงินให้กับลูกค้าบางประเภท เช่น ลูกค้าที่มียอดเงินฝากคงเหลือตามที่กำหนด หรือลูกค้าที่เป็นสมาชิกของธนาคาร รวมถึงลูกค้าที่ใช้วิธีการถอนเงินสดผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร หรือโมบายแบงก์กิ้งแทนบัตรเดบิต แต่ธนาคารอาจจำกัดยอดเงินการถอน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารด้วย
ปัจจุบันจะเห็นว่า ธนาคารหลายแห่งประกาศยกเลิกให้บริการผ่านตู้ ATM ในบางพื้นที่ เพื่อลดภาระต้นทุน รวมถึงค่าใช้จ่ายแฝงต่าง ๆ ทั้งค่าไฟ ค่าบำรุงรักษา ค่าความปลอดภัย เนื่องจากตู้ ATM ส่วนใหญ่มักตั้งอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง หรือหน้าร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ อีกทั้งภายในตู้ยังมีเงินสดอีกเป็นจำนวนมาก
แม้จะมีตู้เซฟ ใส่กุญแจและล็อกอย่างแน่นหนา แต่ก็เสี่ยงที่จะโดนงัดขโมยมากกว่าเงินที่เก็บรักษาไว้ในธนาคาร ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้ ธนาคารจึงต้องเก็บค่าธรรมเนียมเวลากดเงิน เพราะหากไม่เก็บค่าธรรมเนียม ตู้กดเงินสดเหล่านี้อาจไม่สามารถตั้งตระหง่านรองรับลูกค้าได้อีกนานเป็นแน่แท้
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- เช็ก ค่าธรรมเนียมกดเงินสดตู้ ATM 2567 ทั้งภายใน และต่างประเทศ
- เปรียบเทียบ ข้อดี-ข้อเสีย บัตรเครดิต VS บัตรกดเงินสด แบบไหนคุ้มกว่ากัน
- “บัตรเครดิต” ทำได้ตอนอายุกี่ปี ถ้าอายุไม่ถึงทำ “บัตรเสริม” ได้ไหม
ขอบคุณข้อมูลจาก หอสมุดรัฐสภา