อนุทิน ฝากครูแก้วิกฤติภาษาไทย ชี้ภาษาไทยผิดเยอะ ขาดความประณีต ย้ำต้องไม่ตกยุค และต้องไม่กลัวความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานงานวันครู ที่จัดขึ้นที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ครั้งที่ 68 เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา
โดยนายอนุทินกล่าวตอนหนึ่งว่า ผลการประเมินสมรรถนะผู้เรียนตามมาตรฐานสากล หรือ PISA ของนักเรียนทั่วโลก ผลโดยรวมนั้นเป็นกราฟดิ่งลง ทาง OECD หรือองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ได้วิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้เกิดผลเช่นนี้ และพบว่าส่วนหนึ่งของปัจจัยสำคัญไม่ใช่ความยากจน แต่เป็นการถูกเบี่ยงเบนความสนใจโดยสมาร์ทโฟน และการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ต่อการเรียนของเด็กที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น แค่สองเรื่องนี้ก็เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของครูแล้ว
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า เราจะยืนอยู่ตรงไหนในวันที่เด็กจำนวนมากคิดว่าข้อมูลความรู้ที่น่าสนใจอยู่บนโลกออนไลน์ ไม่ได้อยู่แค่ในห้องเรียน จนเด็กรู้สึกว่าไม่ต้องฟังครูก็ได้และโลกยุคใหม่นี้ ก็มีสิ่งเร้ามากมายที่คอยแต่จะดึงเด็กแต่ละคนให้ไปอยู่ในจุดที่มีความเสี่ยง ที่อาจถึงขั้นทำให้เสียอนาคต ล่าสุดฝ่ายปกครองไปตรวจผับย่านรังสิตพบเยาวชนอายุต่ำกว่าเกณฑ์อยู่ในนั้นหลายร้อยคนถือว่าน่ากังวล เราจะพูดถึงการศึกษากันยังไง ถ้าแค่การดูแลเด็กให้ปลอดภัยยังทำไม่ได้ แน่นอนเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ก็ต้องดูแลการบังคับใช้กฎหมาย แต่จะดีกว่าหรือไม่ถ้าเราสามารถสร้างเด็กให้มีภูมิคุ้มกัน มีฐานคิดที่แข็งแรงพอ ในโลกที่มีอันตรายมากกว่าเดิม ครูที่น่าศรัทธานั้น
นอกจากจะต้องอยู่ในศีลธรรมจรรยาที่ดีแล้ว ในยุคนี้ต้องเป็นครูที่ไม่ตกยุคด้วย พร้อมจะเป็นผู้ฟังไม่ปฏิเสธที่จะรับฟังแนวคิดใหม่ๆ ไม่กลัวความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และสามารถใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมต่างๆได้ เป็นครูที่รู้เท่าทันความเป็นไปในโลก แต่ไม่ใช่ไหลไปตามกระแส
โดยเฉพาะครูภาษาไทย ทุกวันนี้เราอ่านสื่อต่างๆจะพบว่า มีการใช้ภาษาไทยผิดเยอะมาก คำพูดคำจาของผู้คนโดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียต่างๆ ภาษาจะขาดความประณีต เป็นการพูดในเชิงบ่อนทำลายหรือชวนทะเลาะ นักการศึกษาและครูทั้งหลายจะต้องช่วยกันคิดว่า เราจะแก้วิกฤติกันอย่างไร เพื่อวางฐานคิดให้นักเรียนเห็นความสำคัญของภาษาและการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ครูกับเด็กต้องไม่แปลกแยกเหมือนอยู่คนละโลกกันเกินไป
