หมอเล่า คนไข้ 37 ปี ไม่ดื่มเหล้า ป่วยมะเร็งตับ อาการเตือนแค่ 1 อาทิตย์ เข้าระยะสุดท้าย
แพทย์ผู้เชียวชาญแนะควรตรวจไวรัสตับสม่ำเสมอ หลังเจอเคสคนไข้ วัย 37 ร่างกายแข็งแรง ออกกำลังกายประจำ ไม่ดื่มเหล้า ป่วยเป็นมะเร็งตับ รักษาตัวได้ 2 เดือนก็เสียชีวิต สาเหตุจากติดไวรัสตับอักเสบ
อย่าชะล่าใจ ไม่ดื่มเหล้าก็ป่วยมะเร็งตับได้
‘มะเร็งตับ’ หนึ่งในโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทย ปัจจัยหลักก่อโรคคือการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรือตับอักเสบจากไขมันพอกตับ และการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี หรือ ซี แต่โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักมีประวัติดื่มสุรามากเกินไป แต่ก็มีบางคนที่รักษาสุขภาพอย่างดี ก็ป่วยมะเร็งตับได้
วันนี้ (17 มกราคม 2567) เพจเฟซบุ๊ก เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล ได้โพสต์ภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ CT scan ของผู้ป่วยรายหนึ่งระบุว่า ผู้ป่วยวัย 37 ปี เป็นคนที่ร่างกายแข็งแรง ไม่ดื่มเหล้า แต่เสียชีวิตเพราะโรคมะเร็งตับจากสาเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างการติดเชื้อไวรัสตับ ทั้งยังป่วยหนักจนไม่สามารถรับการรักษาและกินยาใด ๆ ได้อีก และทิ้งท้ายด้วยการแนะนำให้ทุกคนไปตรวจไวรัสตับอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากรู้ตัวเร็วก็จะได้รักษาได้ทันท่วงที
“สองภาพนี้เป็นของคนไข้ของผมเอง เป็นภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ CT scan จากบริเวณช่องท้องส่วนบน ส่วนใหญ่ของนั่นคือ ตับที่โตผิดปกติ เนื้อตับปกติ หน้าตาจะประมาณมุมซ้ายล่าง ออกสีขาวเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนที่เหลือเกินครึ่งที่มีสีดำ กระจาย แทรกไปทั่ว ๆ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง นั่นคือ สิ่งผิดปกติ ในที่นี่ คือ มะเร็ง (ใช้คำว่า ในที่นี้ เพราะบางกรณี จุดดำ ๆ มันก็เป็นอย่างอื่นได้นะครับ เช่น ถุงน้ำ หนอง)
มะเร็งตับได้ทำให้คนไข้ปวดท้อง กินไม่ได้ ตัว ตาเหลือง ประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนมา รพ. ความน่าตกใจของมันก็คือ แสดงอาการแค่ 1 อาทิตย์ โผล่มาในระยะที่ รักษาไม่ได้แล้ว ความน่าตกใจข้อที่ 2 ก็คือ คนไข้ อายุเพียงแค่ 37 ปี ความน่าตกใจข้อที่ 3 คือ คนไข้เป็นคนออกกำลังกาย ไม่ดื่มเหล้า
ความน่ากลัว ก็คือ คนไข้เสียชีวิตในเวลาแค่ 2 เดือน หลังตรวจเจอ ครอบครัวพาไปปรึกษา อาจารย์แพทย์ที่ โรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง เห็นว่า ร่างกายไม่แข็งแรงพอ ที่จะรับยาใด ๆ ได้แล้ว”
ไวรัสตับอักเสบ หนึ่งในสาเหตุสำคัญของมะเร็งตับ
“ในความน่าตกใต ความน่ากลัว มันยังมีความน่าเสียดายซ่อนอยู่ เคสนี้ คือ ตัวอย่างของคนที่เป็นมะเร็งตับ จากการติดเชื้อไวรัสตับ โดยที่ไม่เคยมีอาการใด ๆ ทางตับ ไม่มีความเสี่ยงเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ ไวรัสตับ ที่ก่อให้เป็นมะเร็งตับ หลัก ๆ ก็คือ ไวรัสตับบี และไวรัสตับซี
คนไข้บอกว่า “เคยตรวจเจอเมื่อนานมาแล้ว (> 10 ปี) แต่ตอนนั้น หมอบอกว่ายังไม่เป็นอะไร” ความน่าเสียดาย มันอยู่ที่ตรงนี้ ไวรัสตับบี ไวรัสตับซี ปัจจุบันรักษาได้ เมื่อรักษาแล้วก็จะลดโอกาส หรือป้องกันการเกิดมะเร็งตับได้ แต่คนส่วนหนึ่งเสียโอกาสนี้ไป
ทำไม ?
1. กรณีของคนไข้ ผมตรวจเจอแต่ไม่ได้มีการติดตามจนพลาดโอกาสไป ต้องปูพื้นฐานนิดนึง กรณีคนที่มีเชื้อไวรัสตับ ณ ปัจจุบัน ไม่ใช่ทุกคนต้องรักษา ส่วนหนึ่งมันอยู่ในภาวะสงบ ไม่มีอาการ ค่าการทำงานของตับปกติ ปริมาณเชื้อในร่างกายน้อยแบบนี้ มันก็อยู่กับเราแบบเงียบ ๆ ไปตลอดชีวิตของเรา ก็ไม่จำเป็นต้องกินยารักษาใด ๆ
การตรวจติดตาม จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ผมเองต้องย้ำคนไข้ทุกครั้งที่เจอกันว่า ตอนนี้ไม่มีอะไร แต่หมอนัดมาเรื่อย ๆ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะครับ ( 3 เดือน 6 เดือน ก็ว่ากันไป)
2. หลายคนไม่เคยตรวจเลยจึงไม่รู้ และการตรวจสุขภาพทั่วไป หลายกรณีไม่มีการตรวจหาไวรัสตับ (หากจำไม่ผิด ตรวจสุขภาพของบัตรทอง หรือของประกันสังคมก็ไม่มี) คนไม่เคยเฉียด รพ. ไม่เคยตรวจเป็นเรื่องหนึ่ง แต่บางคนที่เคยตรวจสุขภาพแล้ว หมอบอกว่า ผลตรวจเลือดปกติ
บางคนก็เข้าใจว่า นั่นแปลว่า เคยตรวจทุกอย่างแล้ว ซึ่งหลายครั้งมันไม่ใช่ ส่วนตัว อยากให้ทุกคนได้ตรวจหาไวรัสตับบี ซี สักครั้งในชีวิตมันราคาไม่สูง และได้ประโยชน์จริง
3. ยังมีข้อที่สาม องค์ความรู้มันเปลี่ยน แต่หมอเรายังไม่เปลี่ยน ไม่ตามความรู้ใหม่ ๆ เมื่อ 20 ปีก่อน เจอไวรัสตับบี หมออาจจะบอกแค่ว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องรักษา เพราะตอนนั้นความรู้มันแค่นั้น ไวรัสตับซี ไม่ต้องทำอะไร เลิกกินเหล้าก็พอ อะไรทำนองนั้น
แต่ปัจจุบันมันไม่ได้แล้ว ผมเองต้องเติมความรู้เรื่อย ๆ ตอนนี้บางกรณียังไม่ต้องรักษา แต่ต่อไปการรักษาอาจจะเร็วขึ้นก็ได้”
นอกจากนั้น แพทย์ยังได้กล่าวสรุปไว้ด้วยว่า สำหรับคนไม่เคยตรวจ ก็แนะนำให้ไปตรวจไวรัสตับสักครั้งในชีวิต หากใครเคยตรวจเจอ หมอบอกไม่ต้องทำอะไร ควรไปปรึกษาหมอใหม่อีกครั้ง ยังไงต้องมีการนัดติดตาม ผลเลือดเป็นระยะ และสำหรับคนท่เคยตรวจเจอและ หมอนัดติดตามแต่ไม่ได้ไป ควรกลับไปหาหมอ ถ้ามีอะไรขึ้นมาจะได้รักษาได้ทัน
ทั้งนี้ จากเคสดังกล่าวที่แพทย์ได้นำมาแบ่งปันความรู้นั้น เป็นการชี้ให้เห็นว่า การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการป่วยเป็นโรคมะเร็งตับที่ไม่ควรมองข้าม แม้จะเป็นคนที่ร่างกายแข็งแรง ไม่ดื่มแอลกอฮอลล์ก็ตาม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง