เปิดโปง วีรกรรมแก๊งลูกตำรวจฆ่า “ป้าบัวผัน” 2 ปีก่อนยืนโชว์อาวุธหรา
ตามต่อคดีป้ากบ ถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายจนเสียชีวิต ชาวบ้านในพื้นที่เล่าประวัติระรานผู้ตายก่อนอุ้มไปโยนทิ้งน้ำเคยทั้งเผาเสื้อผ้า เผาที่นอนคนตาย ขุดรูปเยาวชนทมิฬเคยถ่ายรูปโชว์อาวุธหราลงโซเชียลไม่เกรงกฎหมาย
วันที่ 15 ม.ค.2567 ความคืบหน้าคดีกลุ่มเยาวชนอายุ 14-16 ปี ก่อเหตุรุมทำร้ายนางสาวบัวผัน หรือ “ป้ากบ” หญิงเร่ร่อนวัย 47 ปี จนเสียชีวิตในอำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลักฐานจากกล้องวงจรปิดและคำสารภาพพบพฤติกรรมสุดเหี้ยมโหด อุ้มไปโยนทิ้งสระน้ำ ก่อนตามลงไปบีบคอจนสิ้นใจต่อหน้า
ล่าสุด รายงานจากช่อง 8 ชาวบ้านรายหนึ่งบอกกับทีมข่าวว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แก๊งโจ๋ซึ่ง 1 ใน 5 ราย เป็นลูกตำรวจชุดสืบสวนในพื้นที่อรัญประเทศ มาก่อเหตุทำร้ายร่างกายป้ากบ เพราะย้อนกลับไปราว 1 เดือนก่อนหน้านี้ ผู้ตายซึ่งเป็นคนไร้บ้านและสติไม่สมประกอบ เคยถูกวัยรุ่นทมิฬกลุ่มนี้แอบเอาเสื้อผ้าและที่นอนไปเผาจนไฟไหม้เสียหายหนักจนคนอื่นต้องเข้าไปช่วยดับไฟให้
เมื่อถามถึงปมปัญหาในตอนนั้น ชาวบ้านคนดังกล่าว ยอมรับว่าไม่ทราบ แต่มักจะเห็นป้าบัวผันด่าทอกลุ่มวัยรุ่นเวลาขับรถผ่านไปมา
นอกจากนี้ แม่ค้าในตลาด อำเภออรัญประเทศ ซึ่งรู้จักกับนายโก๊ะ หนึ่งในผู้ต้องที่เป็นคนอุ้มหญิงเร่ร่อนโยนลงไปในบ่อน้ำ โดยร่วมมือกับนายเชน (นามสมมติ) อีกหนึ่งเยาวชนที่ร่วมกันก่อเหตุ บอกว่าโก๊ะจะมีนิสัยชอบขโมยของ แม่ค้าในตลาดทราบกิตติศัพท์ดี เพราะโดนกันมาหลายรอบแล้ว
นอกจากนี้ “โก๊ะ” เป็นเด็กซน แต่ผู้ให้สัมภาษณ์ก็คาดไม่ถึงว่าจะถึงขั้นกล้าก่อเหตุโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้ ยอมรับว่ารับไม่ได้กับพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก
ประเด็น แฉพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อคดีสะเทือนขวัญคนในอรัญประเทศรอบล่าสุด ถึงตอนนี้ยังมีสื่อจำนวนมากที่ร่วมกันตีแผ่พฤติกรรม โดยล่าสุด @RedSkullxxx แอคเคาต์ในแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ก็มีการโพสต์ภาพของนายบิ๊ก (นามสมมติ) 1 ในเยาวชนที่ก่อเหตุ ซึ่งเป็นรูปที่กำลังถืออาวุธมีด ถ่ายไว้ตั้งแต่ปี 2564 หรือเมื่อ 2 ปีก่อนจะเกิดคดีสลดกับป้ากบ
ทั้งนี้ ในส่วนของการดำเนินคดี อ้างอิงจากไทยพีบีเอส ระหว่างที่กลุ่มเยาวชนทั้ง 5 คนถูกนำตัวขึ้นไปยังบริเวณชั้น 2 ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงสาเหตุที่ร่วมกันทำร้ายผู้เสียชีวิต ทุกคนไม่ตอบคำถาม และมีสีหน้าเรียบเฉย
อย่างไรก็ตาม หลังเจ้าหน้าที่ทีมสหวิชาชีพเข้าสอบปากคำเสร็จ จะมีการส่งตัวเยาวชนทั้ง 5ราย ไปอยู่ในความดูแลของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กจังหวัดสระแก้วต่อไป.