“กลิ่นคนแก่” เกิดจากอะไร เป็นอันตรายไหม วิธีแก้ ‘กลิ่นแก่’ ก่อนสายเกินแก้
เจอแล้ว! ต้นตอ “กลิ่นคนแก่” กลิ่นสาปผู้สูงอายุ เกิดจากอะไร ยิ่งแก่ยิ่งกลิ่นแรงขึ้น สาเหตุบางคนมีกลิ่นแก่ก่อนวัยอันควร แชร์ 5 วิธีแก้กลิ่นไม่พึงประสงค์
หนึ่งในปัญหาผู้สูงวัยที่ส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจ นั่นคือกลิ่นตัวที่เริ่มเปลี่ยน หลายคนเรียกว่า “กลิ่นคนแก่” กลิ่นแก่เฉพาะตัวที่ติดอยู่ตามผิวหนัง เส้นผม รวมถึงเสื้อผ้าที่ผู้สูงอายุสวมใส่ ส่งผลต่อความมั่นใจ บางคนถึงขนาดไม่กล้าอยู่ใกล้คนอื่น
วันนี้ Thaiger ขอพามาเจาะลึกต้นตอกลิ่นแก่มาจากไหน และจะแก้ยังไงได้บ้าง เพื่อให้เรายังกายหอมได้แม้สังขารร่วงโรย
กลิ่นคนแก่เกิดจากอะไร เริ่มมีตอนอายุเท่าไหร่
กลิ่นคนแก่ เกิดจากความเสื่อมถอยของต่อมไขมันและต่อมเหงื่อ ประสิทธิภาพทำงานลดลง ปกติจะกำจัดกรดไขมันชนิดหนึ่งที่ชื่อ ลิพิดเปอร์ออกไซด์ (Lipid peroxide) ได้ แต่พอมันมีมีปริมาณสูงขึ้น ประกอบกับสาร Nonenal มากขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้น ทำให้เกิดการสังเคราะห์กลิ่นแก่ขึ้นมา
ส่วนใหญ่คนอายุ 40 ปีขึ้นไปจะเริ่มมีกลิ่นแก่ และยิ่งอายุมากขึ้นร่างกายจะสะสมสารเหล่านี้ไว้มากยิ่งขึ้น
แล้วถ้าอาบน้ำให้บ่อยขึ้นล่ะ ช่วยให้กลิ่นหายไปไหม?
นอกจากนี้มีความจริงอีก 1 อย่าง ที่หลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “กลิ่นคนแก่” นั่นคือ การอาบน้ำไม่ช่วยให้กลิ่นแก่หายไป เพราะกลิ่นคนแก่ไม่ได้เกิดจากความสกปรก แต่เกิดจากกลไกธรรมชาติของร่างกายเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยลามไปถึงเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มที่จะติดกลิ่นคนนั้นไปด้วยเมื่อสวมใส่เป็นเวลานาน
เคยดมแล้ว กลิ่นคนแก่เป็นยังไง
หลายคนคงพอนึกออกว่ากลิ่นแก่มีลักษณะอย่างไร ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ กินอยู่เป็น อธิบายไว้ว่า กลิ่นคนแก่มักเป็นกลิ่นคล้ายการผสมผสานของกลิ่นแว็กซ์ หนังสือเก่า กลิ่นเทียนไข และกลิ่นอับของเชื้อรา สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
อย่างไรก็ตามได้กล่าวถึงสำรวจจากประเทศญี่ปุ่นว่า ผู้ชายญี่ปุ่นที่มีอายุ 40 ขึ้นไป มีโอกาสเกิดกลิ่นผู้สูงวัยได้มากกว่าผู้หญิง ซึ่งบางคนเรียกอีกชื่อว่า กลิ่นคุณลุง นั่นเอง
มีกลิ่นแก่ หมายถึงสุขภาพไม่ดีหรือเปล่า
กลิ่นคนแก่ที่พบในผู้สูงอายุ ไม่ได้บ่งบอกถึงสุขภาพไม่ดีเสมอไป กลิ่นนี้อาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น
- สุขอนามัยส่วนบุคคล การอาบน้ำและรักษาความสะอาดที่ไม่สม่ำเสมอ อาจก่อให้เกิดกลิ่นกายที่คล้ายกับกลิ่นคนแก่ได้ นอกจากนี้ เสื้อผ้าที่ใส่ไม่สะอาด ก็อาจดูดซับและกักเก็บกลิ่นไม่พึงประสงค์ จนก่อให้เกิดกลิ่นที่คล้ายกลิ่นคนแก่ได้เช่นกัน
- การรับประทานอาหารและยาบางชนิด อาหารบางชนิด เช่น กระเทียมหรือหัวหอม อาจทำให้กลิ่นตัวเปลี่ยนไป จนกลายเป็นกลิ่นเฉพาะตัวที่คล้ายกับกลิ่นคนแก่ได้ นอกจากนี้ ยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคเบาหวานหรือโรคตับ อาจสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นตัวได้เช่นกัน
- สภาวะสุขภาพพื้นฐาน โรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวานหรือโรคตับสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นตัวได้ ในบางคนอาจมีกลิ่นคล้ายกลิ่นคนแก่
หากกลิ่นตัวของคุณเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันหรือมีความรุนแรงขึ้น ร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ปัสสาวะบ่อย เป็นต้น ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงของกลิ่นตัว เพราะอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้กลิ่นตัวรุนแรงขึ้นได้ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารรสจัด การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง เป็นต้น หากหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้ได้ กลิ่นตัวของคุณก็จะลดลงได้เช่นกัน
พฤติกรรมทำให้มี “กลิ่นแก่” ก่อนวัยอันควร
บางคนที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี อย่าเพิ่งวางใจ หากคุณทำพฤติกรรมดังต่อปนี้ มีสิทธิ์เกิดกลิ่นคนแก่ก่อนวัยอันควรได้เช่นกัน ทั้งเกิดจากปัจจัยด้านร่างกายที่ควบคุมได้ยาก หรือพฤติกรรมที่ทำเป็นประจำ เช่น
- แบคทีเรียบางชนิดบนผิวหนัง ประกอบกับผิวแห้งขาดนี้ นำไปสู่การผลิตสารที่ทำให้เกิดกลิ่นคนแก่
- ละเลยสุขอนามัยส่วนบุคคล การอาบน้ำและรักษาความสะอาดที่ไม่สม่ำเสมอ จะทำให้กลิ่นตัวหมักหมม ส่งผลให้เกิดกลิ่นกายที่คล้ายกับกลิ่นคนแก่ได้
- ใส่เสื้อผ้าไม่สะอาด อาจดูดซับและกักเก็บกลิ่นไม่พึงประสงค์ จนก่อให้เกิดกลิ่นที่คล้ายกลิ่นคนแก่ได้
- กินอาหารที่มีกลิ่นฉุนมากติดต่อกันนาน เช่น กระเทียมหรือหัวหอม อาจทำให้กลิ่นตัวฉุนขึ้นได้จนบางครั้งดมแล้วคล้ายกลิ่นคนแก่
- กินยาบางชนิดที่ทำให้กลิ่นตัวเปลี่ยนไปแรงขึ้น
- การมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวานหรือโรคตับ สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของกลิ่นตัวได้ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับกลิ่นคนแก่
วิธีแก้ “กลิ่นแก่” ลดปัญหากลิ่นตัวไม่พึงประสงค์
แน่นอนว่าเมื่อถึงช่วงอายุนึง กลิ่นแก่ จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติและแก้ไขได้ยาก ซึ่งเป็นปัญหาด้านบุคลิกมากทีเดียว แต่ไม่ได้หมายความว่าแก้ไขไม่ได้ จึงขอมาแนะนำวิธีลดกลิ่นแก่แบบง่าย ๆ เพื่อฟื้นฟูความมั่นใจอีกครั้ง ดังนี้
1. ลดเนื้อสัตว์ และไขมัน
ไขมันในเนื้อสัตว์จะกระตุ้นให้ต่อมผลิตไขมันขับความมันส่วนเกินออกมามากขึ้น 1 ใน 3 ตัวการหลักของสูตรเกิดกลิ่นแก่ นอกจากนี้แนะนำให้เลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงทุกประเภทเพื่อลดการเกิดกลิ่น รวมไปถึงช่วยให้สุขภาพร่างกายดีขึ้นเช่นกัน
2. งดสูบบุหรี่
บุหรี่เป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มสารอนุมูลอิสระให้แก่ร่างกาย เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้แย่ลง ส่งผลเสียเกิดการสะสมของเสียในร่างกายเพิ่มกลิ่นเหม็นตามต่อมผิวหนังต้องขับออกมามากกว่าเดิม
3. ออกกำลังกายระบายเหงื่อ
อาจตรงข้ามกับที่แนะนำไปก่อน เพราะวิธีนี้คือการสนับสนุนให้ร่างกายเหงื่อออกมากกว่าเดิม แต่เป็นเฉพาะเวลา โดยการออกกำลังกายจะช่วยให้ต่อมเหงื่อขยายและขับของเสียออกไป ลดสาเหตุการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรก
4. อาบน้ำร้อน
การอาบน้ำร้อนจะช่วยให้รูขุมขนขยาย พาเหงื่อและสิ่งสกปรกไหลไปพร้อมกับน้ำ รวมถึงสมัยนี้ก็มีผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นสูงอายุ ก็สามารถใช้ควบคู่ไปได้
5. เช็ดเหงื่อระหว่างวันด้วยทิชชู่เปียก
อย่างที่รู้กันว่ากลิ่นเกิดจากการผสมกันระหว่างเหงื่อ ไขมัน และแบคทีเรีย การตัดวงจรไม่ให้เกิดกลิ่นคนแก่ง่าย ๆ นั่นก็คือการเช็ดเหงื่อ หรือทำให้ตัวเองเหงื่อออกน้อยที่สุด แนะนำให้ใช้ทิชชู่เปียกออแกนิค หรือมีการทดสอบการแพ้แล้ว เพราะผิวหน้าและผิวกายมีความบอบางมาก
ทั้ง 5 วิธีนี้อาจช่วยลดกลิ่นแก่แบบอยู่หมัดได้ เนื่องจากการรักษาความสะอาดเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่น อีกทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินก็มีส่วนสำคัญ ปัจจุบันมีตัวช่วยสำหรับลดกลิ่นคนแก่ได้มากขึ้น ทั้งสบู่ ครีมอาบน้ำ น้ำหอม หรือผลิตภัณฑ์ลดกลิ่นเหงื่อ กลิ่นอับ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าออนไลน์ทั่วไป
หากกลิ่นตัวของคุณเป็นกลิ่นที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปตามวัย และไม่มีสัญญาณอื่นๆ ของความผิดปกติใดๆ ก็สามารถสันนิษฐานได้ว่าเกิดจากปัจจัยทางธรรมชาติที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการใส่ใจเรื่องสุขอนามัยส่วนบุคคล เช่น อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเป็นประจำ เช็ดเหงื่อบ่อยๆ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่เหมาะกับสภาพผิว และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
- หนุ่มแทบอ้วก จูบแฟนสาวใหญ่แต่เจอกลิ่นแก่ ทนไม่ไหวต้องขอเลิก
- เจลปรับอากาศยี่ห้อดัง ออกกลิ่นเชียงใหม่ คนต่างถิ่นสงสัย ? ถ้าจังหวัดตัวเองหอมยังไง
- ภาพที่มีกลิ่น สาวหน้าตาดีเช่าห้องสุมขยะ หนอน-หนู-แมลงสาบ ตายเป็นซากติดตามผนังห้อง