ในปัจจุบันการกินยาคุมกำเนิดฉุกเฉินถือว่ากลายเป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าปกติ แต่การกินยาคุมกำเนิดฉุกเฉินบ่อยครั้งก็จะทำให้มีอันตรายต่อร่างกายได้ วันนี้เราเลยจะมาแนะนำ วิธีกินยาคุมฉุกเฉิน แบบถูกวิธีและปลดภัยให้กับคุณผู้หญิงทุกคน
ยังมีหลายคนที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับการกินยาคุมกำเนินฉุกเฉินว่าสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างเต็มร้อย และมักใช้วิธีนี้เป็นประจำแต่ความจริงแล้ว ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน เหมาะสำหรับในกรณีที่ฉุกเฉินเท่านั้น อย่างการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้คุมกำเนิด หรืออาจเกิดจากกการผิดกพลาดจากการมีเพศสัมพันธ์ เช่น การรั่วหรือฉีกขาดของถุงยางอนามัย การลืมรับประทานยาคุมกำเนิดแบบปกติตั้งแต่ 2 เม็ดขึ้นไป หรือการถูกข่มขืน เท่านั้น
วิธีกิน “ยาคุมฉุกเฉิน” ให้ถูกต้อง
ยาคุมฉุกเฉิน หรือ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ( emergency contraceptive pills, morning-after pills ) เป็นยาที่มีฮอร์โมน ขนาดสูง ใช้รับประทานหลังจากมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดโอกาสตั้งท้อง การคุมกำเนิดวิธีนี้จะมีผลประสิทธิภาพภายใน 2 – 3 วัน โดยจะไปรบกวนการตกไข่ หรือรบกวนการปฏิสนธิของไข่กับอสุจิ แต่หากได้รับการปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนแล้ว จะไม่สามารถป้องกันได้
สำหรับวิธีรับการคือรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่ถูกต้องนั้น คือ ต้องกินเม็ดแรกให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์แบบที่ไม่ได้ป้องกัน อย่างน้อยที่สุด คือไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมง และรับประทานเม็ดที่ 2 หลังจากเม็ดที่ 1 ภายใน 12 ชั่วโมง
หรืออีกวิธีหนึ่ง คือ กินครั้งเดียวพร้อมกัน 2 เม็ด (ขนาดเม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม) ปวิธีกินยาคุมฉุกเฉิน 2 วิธีนี้ จะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดเท่ากัน ที่สำคัญคือ ควรกินภายใน 3 วัน นอกจากนี้แนะนำให้กินยาซ้ำ หากมีการอาเจียนเกิดขึ้นภายใน 2 ชั่วโมงหลังกินยา และ สิ่งที่สำคัญสำหรับการกินยาคุมฉุกเฉินคือไม่ควรจะรับประทานยาเกิน 4 เม็ด หรือ 2 กล่องต่อเดือน
สำหรับบางคนเมื่อใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน เกิดมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และอาจทำให้ประจำเดือนมาเร็วหรือช้าลง บางคนก็มีอาการปวดท้อง เจ็บคัดเต้านม มีเลือดออกกะปริบกะปรอยรวมด้วย ทั้งนี้นั้นหากหลังใช้ยาแล้วประจำเดือนยังไม่มาเกินกว่า 1 สัปดาห์ ควรตรวจดูว่าเป็นเพราะตั้งครรภ์หรือไม่หรือหากสงสัยควรไปพบปรึกษาแพทย์
การใช้ยาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉุกเฉินอย่างถูกต้อง หลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกันการตั้งครรภ์ พบว่ามีอัตราการตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้ร้อยละ 2 ผู้ที่ไม่ได้รับประทานยาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉุกเฉินจะมีโอกาสตั้งครรภ์ประมาณร้อยละ 8 หรือเรียกได้ว่ายาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉุกเฉินสามารถลดภาวะเสี่ยงในการตั้งครรภ์ได้เพียงร้อยละ 75 เท่านั้น
นอกจากนี้ที่อยากจะให้ทุกคนทราบ ยาเม็ดคุม กําเนิดแบบฉุกเฉิน มีประสิทธิภาพต่ำกว่าวิธีคุมกําเนิดแบบปกติทั่วไป เพราะความเสี่ยงในการตั้งท้องของผู้ที่ใช้ยาเม็ดคุมแบบฉุกเฉินจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เริ่มกินเข้าไป และเวลาของการมีเพศสัมพันธ์ว่าอยู่ในช่วงไหนของรอบเดือน ถ้านําเอายาเม็ดคุมฉุกเฉินมาใช้บ่อยครั้ง ย่อมมีความเสี่ยงที่จะเกิดความล้มเหลวได้ เลยเป็นเหตุผลว่า ทําไมจึงไม่ควรจะนําเอายาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉุกเฉินมาใช้เพื่อคุมกําเนิดเป็นประจํา
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉินที่หลายคนไม่รู้
ยาคุมฉุกเฉินนั้น ไม่ได้มีผลต่อการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างที่ใครเข้าใจ วิธีป้องกันโรคติดต่อ และสามารถคุมกำเนิดได้ดีที่สุด คือ การใช้ถุงยางอนามัย และ ยาคุมฉุกเฉินยังไม่ก่อให้เกิดการแท้งได้
ดังนั้น ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาทำแท้ง แต่สามารถป้องกันการตั้งท้องได้เท่านั้น จากตัวยาที่เข้าไปในร่างกายก่อนที่จะมีการฝังตัวของไข่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก แต่หากไข่ที่ผสมอสุจิได้ฝังตัวที่ผนังมดลูกไปแล้ว ประสิทธิภาพของยาก็จะไม่ได้ผล
ข้อดีของยาคุมฉุกเฉิน
สำหรับข้อดีของการกินยาคุมฉุกเฉิน คือ เป็นการป้องกันการตั้งครรภ์หลังมีเพศสัมพันธ์แบบทันที แต่ประสิทธิภาพจะต่ำกว่าการคุมกำเนิดด้วยวิธีปกติ โดยมีข้อมูลว่าผู้ที่กินยาคุมกำเนิดฉุกเฉินอย่างถูกต้อง ภายหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ปราศจากการป้องกัน มีอัตราการท้องอยู่ที่ 2 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นเราจึงไม่ควรกินยาคุมฉุกเฉินหากไม่จำเป็น จริง ๆ
ข้อควรระวังในการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
- ก่อนใช้ยานี้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
- ยานี้ใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์แบบฉุกเฉินเท่านั้น หากใช้ยาซ้ำอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรง เช่น เลือดออกผิดปกติได้
- ยานี้ไม่มีผลในการทำให้แท้งได้ และไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอชไอวีได้
- หากมีอาการผิดปกติ โดยเฉพาะเมื่อประจำเดือนขาดหรือสงสัยว่าตั้งครรภ์ ให้รีบปรึกาแพทย์หรือเภสัชกร
- ห้ามใช้ยานี้สำหรับการคุมกำเนิดแบบปกติ
- ห้ามใช้ยานี้สำหรับสตรีที่ตั้งครรภ์หรือผู้ที่สงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์
- ห้ามใช้ยานี้สำหรับสตรีที่มีอาการเลือดออกผิดปกติในช่องคลอด
คนที่ห้ามใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
- มะเร็งของอวัยวะภายในของผู้หญิง และมะเร็งเต้านม
- โรคตับเฉียบพลันหรือตับแข็ง มะเร็งตับ
- เคยหรือเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ความดันโลหิตสูง
- โรคลิ่มเลือดอุดตัน
- โรคลมชัก ที่รับประทานยากันชัก
- โรคเบาหวาน ที่มีภาวะไตทำงานผิดปกติ หรือมีภาวะหลอดเลือดผิดปกติ
- อายุมากกว่า 35 ปีสูบบุหรี่จัด
- อ้วน มีไขมันในเลือดสูง
- เป็นไมเกรนชนิดที่มีอาการเตือน
ทั้งนี้ แม้ยาคุมฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการท้องได้ในตอนที่กินเม็ดแรกทันทีหลังมีเพสสัมพันธ์ทันที แต่ทางการแพทย์ก็ไม่แนะนำให้ใช้ยาคุมกำเนินฉุกเฉินแทนการใช้ยาคุมปกติ เพราะขนาดฮอร์โมนที่สูงอาจจะทำให้เกิดความผิดปกติต่อมดลูกได้ รวมถึงไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
ดังนั้น ทุกควรเลือกใช้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น และหลังหากใช้แล้วเกิดความผิดปกติร่างกาย ขาดประจำเดือน เลือดออกไม่หยุด หรือปวดท้องไม่ดีขึ้น ควรรีบมาพบแพทย์ทันที
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่