ทำความรู้จัก ลัทธิโยเร ลัทธิปล่อยแสงทิพย์จากญี่ปุ่น ที่เชื่อว่าแสงจากฝ่ามือช่วยชำระอาการเจ็บป่วยทางกายและจิตใจ พร้อมหลักคำสอน และวิธีเข้าสู่ลัทธิ
ในประเทศญี่ปุ่น ได้มีการก่อตั้งสำนักลัทธิต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในลัทธิที่โด่งดัง และแพร่หลายอย่างมากอยู่ในปัจจุบันคือ ลัทธิโยเร ที่มีการเดินทางเผยแผ่ ความเชื่อ-หลักคำสอน ออกไปทั่วโลก รวมไปถึงประเทศไทยในชื่อของ มูลนิธิ คาซูโอะ-ซูรุ วาคุกามิ อย่างไรก็ตาม การเข้าลัทธินี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีการแบ่งระดับสาวกอย่างชัดเจน และยังมีความเชื่อเรื่องการส่งพลังแสงทิพย์ผ่านฝ่ามือ เพื่อรับพลังรักษาโรคภัยและชำระล้างจิตวิญญาณอีกด้วย
ประวัติ “ลัทธิโยเร” ความเชื่อสุดประหลาด จากแดนปลาดิบ
ลัทธิโยเร มีต้นกำเนิดในประเทศญี่ปุทน ก่อตั้งขึ้นในปี 2478 โดย โมกิจิ โอกาดะ มีชื่อว่า ลัทธิเซไกคีวเซ ได้นำความเชื่อของลัทธิชินโต ศาสนาพุทธนิกายมหายาน และหลักจริยธรรมสากลมาผสมกัน โดยสื่อญี่ปุ่นเคยออกมาเตือนว่า ลัทธินี้เป็นลัทธิอันตราย และถูกญี่ปุ่น รวมทั้งหลายประเทศในยุโรปเฝ้าระวัง เนื่องจากคำสอนหลายอย่างที่เข้าข่ายการล้างสมอง
ลัทธิโยเร ได้เข้ามาในประเทศไทยเมื่อปี 2511 จากการเผยแผ่ของคาซูโอะ วากูกามิ ที่เริ่มจากการแปลเอกสารของศาสนา พร้อมทั้งตั้งโรงเรียนเกษตรกรรมในไทย โดยจดทะเบียนชื่อว่า มูลนิธิบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ด้วยกิจกรรมทางศาสนา เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2513 มีสำนักงานใหญ่แห่งแรกอยู่ที่ถนนสุรวงศ์ กรุงเทพมหานคร ต่อมาใน พ.ศ. 2519 กรมการศาสนารับรองให้เป็นองค์กรศาสนาย่อยของศาสนาพุทธนิกายมหายาน หลังจากนั้นก็ได้มีการเผยแผ่ศาสนาและได้มีศาสนิกชนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ต่อมาในปี 2527 ได้เพิกถอนสถานะการเป็นนิกายศาสนาพุทธนิกายมหายานลง จึงกลับไปเป็นมูลนิธิตามเดิม โดยปัจจุบันมีศาสนสถานของลัทธิโยเร คือ องค์การศาสนาเซไคคิวเซเคียวประจำประเทศไทย หรือ หอเซจิ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 1 ต.ชำผักแพว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
หลักคำสอน ลัทธิโยเร
คำว่า โยเร มาจากภาษาญี่ปุ่น แบ่งเป็นคำว่า โย หมายถึง ชำระล้าง, เรา หมายถึง จิตวิญญาณ เมื่อนำความหมายมารวมกันจึงได้ความหมายว่า การชำระล้างทางจิตวิญญาณ โดยความเชื่อของลัทธินี้ คือ การส่งพลังแสงทิพย์ผ่านฝ่ามือเพื่อจุดประสงค์ในการรักษาความทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับการรักษาได้เดินไปสู่หนทางที่ถูกต้อง ด้านคำสอนหลักของลัทธินี้ คือ การทำความดี และต้องไปชวนลูกหลานให้มาเป็นสาวกด้วย
ผู้ที่จะเข้าเป็นสาวกลัทธิโยเร จะต้องมีการซื้อเหรียญโยเร หรือที่เรียกว่า การรับพระ โดยต้องใช้ค่าใช้จ่ายหลักพันบาทในการรับพระ ซึ่งจะทำให้สามารถปล่อยแสงทิพย์ออกมาจากมือเพื่อรักษาโรคได้ พร้อมกล่าวคำบูชา “ขออำนาจพระรัตนตรัยและท่านเมซึซามะ ขอให้คนข้างหน้าจงมีความสุข” หรือ “ขออำนาจบารมี คุณพระศรีอริยเมตตรัยและท่านเมซึซามะ โปรดประทานแสงทิพย์ เพื่อชำระเมฆหมอกความขุ่นมัว” จากนั้นยกมือขึ้นระดับศีรษะ หันมือเข้าหาผู้รับแสง ยกค้างไว้ 10 – 15 นาที วันละ 1-2 ครั้ง โดยเชื่อว่าจะช่วยรักษาโรคร้ายต่าง ๆ ได้
ระดับของสาวกลัทธิโยเร
เนื่องจากการเข้าสู่ลัทธิโยเรนั้น ไม่ใช่ใครก็สามารถเข้ามาได้โดยง่าย เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการเข้าลัทธิ รวมถึงมีการแบ่งระบดับของสาวกอีกด้วย ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้
1. ศาสนิกชน คือ บุคคลที่พึ่งเข้าสู่ลัทธิได้ไม่นาน
2. เซวานิน คือ บุคคลที่อยู่ในลัทธิได้ 1-2 ปี ทำหน้าที่ดูแลผู้ที่เข้าสู่ลัทธิใหม่ และต้องชักชวนบุคคลอื่นเข้าสู่ลัทธิ
3. ไคเฮียว คือ บุคคลที่อยู่ในลัทธิ 2 ปีขึ้นไป จะต้องเข้ามาประกอบกิจของลัทธิเป็นประจำ
4. ภูไคอิน คือ สาวกระดับสูง เข้ามาประกอบกิจลัทธิบ่อยครั้ง ทั้งยังมีความเลื่อมใสในลัทธิอย่างสูงส่ง
5. เคียวไคโจ คือ สาวกระดับอาจารย์ ในแต่ละสาขาจะมีได้เพียงแค่ 1 คน (คล้ายเจ้าอาวาส หรือ บาทหลวงประจำศาสนสถาน) จะต้องเป็นผู้ที่ละทิ้งทางโลก รวมถึงเป็นผู้เผยแผ่คำสอนแก่บรรดาสาวก
ในปัจจุบันนั้น ลัทธิโยเรมีการสนับสนุนทุนในการศึกษาศาสนาพุทธให้แก่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นประจำทุกปี และต่อต้านยาเสพติด ทั้งยังมีการปรับปรุงวิธีเผยแผ่ลัทธิด้วยการสนับสนุนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมทั้งวัฒนธรรมของไทยอีกด้วย
ทั้งนี้ ลัทธิโยเร กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง จากเหตุการณ์ในวันที่ 2 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา มีสัตวแพทย์หญิงที่จังหวัดระยอง ดื่มไซยาไนด์ฆ่าตัวตายไปพร้อมลูกสาววัย 12 ปี รวมถึงนกที่เลี้ยงเอาไว้อีก 2 ตัว พร้อมจดหมายลาตายใจความว่า “ขอให้การตายครั้งนี้นำมาซึ่งอิสรภาพทั่วทุกจักรวาล” ด้านสามีเล่าว่า ภรรยาเป็นโรคซึมเศร้าจากการที่แม่ป่วยติดเตียงตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน อีกทั้งเธอยังเป็นสาวกของลัทธิโยเรอีกด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิง วิกิพีเดีย, Amarin TV
