สรุปดราม่า นกหวีดโรงเรียน หลังหมู่บ้านโวยวาย จนโรงเรียนยอมถอย
สรุปประเด็นดราม่า นกหวีดโรงเรียน เมื่อมีคนในหมู่บ้านข้างโรงเรียนโวยวาย เสียงนกหวีดจราจรตอนเช้า บั่นทอนสุขภาพจิต ด้านโรงเรียนออกแถลง ไม่มีความขัดแย้งต่อกัน เตรียมใช้มาตรการอื่นแทนนกหวีด
กลายเป็นกระแสข่าวในช่วงนี้ เมื่อมีลูกบ้านจากหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ร้องเรียนเรื่องการใช้นกหวีดจัดการจราจรของ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย ในช่วงเช้า เนื่องจากทำให้เสียสุขภาพจิต ขอให้เปลี่ยนมาใช้สัญญาณไฟแทน ทั้ง ๆ ที่โรงเรียนก่อตั้งมาแล้วถึง 30 ปี ก่อนที่จะมีหมู่บ้านนี้เสียอีก
ล่าสุดทางโรงเรียนออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจของโรงเรียน ออกแถลงการณ์ เตรียมใช้สัญญาณมือและธงสีในการอำนวยความสะดวกการจราจรของโรงเรียนแทน
วันนี้เราจึงมาสรุปดราม่าเรื่องราวของนกหวีดโรงเรียน ตั้งแต่แรกยันบทสรุปให้ทุกคนได้เข้าใจอย่างตรงกันเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว
เปิดไทม์ไลน์ ดราม่า นกหวีดโรงเรียน
เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคม 2566 อดีตประธานนักเรียนรุ่น 17 ได้ออกมาโพสต์เล่าเรื่องโรงเรียนของตนผ่านเฟซบุ๊กว่า โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนา มานานกว่า 30 ปี ผลิตเด็กให้มีความรู้ความสามารถ เป็นผู้ใหญ่ในอนาคตนับไม่ถ้วน โรงเรียนแห่งนี้ก็มีการดำเนินการในการจัดการบริหารโรงเรียน ดูแลนักเรียน อย่างดีมาโดยตลอด คุณครู ผู้บริหาร ก็ช่วยหาวิธีต่าง ๆ ในการจะปกป้องดูแล นักเรียนให้มีความปลอดภัย หลังจากที่นักเรีนนเดินทางออกจากบ้านมาโรงเรียน
ด่านแรกของการดูแลนักเรียนก่อนเข้าโรงเรียน นั้นคือ ป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติแก่นักเรียน ทางโรงเรียน คุณครูก็ใช้วิธี “เป่านกหวีด” จัดการการจราจร เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ เป็นการส่งสัญญาณ ให้รถไป ให้รถหยุด มาโดยตลอด
และคิดว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่โรงเรียนทำดีและทำถูกต้อง
แต่ทุกวันนี้บรรยากาศรอบ ๆ โรงเรียนนั้นเปลี่ยนไปมาก หมู่บ้านขึ้นกันเต็มไปหมด และทำไมหมู่บ้านเหล่านี้จะมามีอิทธิพลต่อการเป็นอยู่ การดำเนินการของโรงเรียน ก่อนคุณจะซื้อบ้านคุณก็น่าจะทราบดีว่าติดกับโรงเรียน ซึ่งจะมีเสียงรบกวนคุณตั้งแต่ เช้าจนถึงเย็น (ช่วงเปิดเทอม) คุณน่าจะทราบดี สิ่งที่คุณกำลังจะทำไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย
ต่อมาในวันที่ 24 ธันวาคม 2566 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์ภาพมุมสูง บริเวณรอบโรงเรียน เปรียบเทียบในปี 2561 และ 2566 ด้วยข้อความว่า โรงเรียนแห่งหนึ่ง (ทราบภายหลัง คือ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย) ตั้งมาก่อนหมู่บ้านเกือบ 30 ปี แต่พอมีหมู่บ้านแล้ว ผู้คนเริ่มเข้ามาพักอาศัย กลับถูกผู้พักอาศัยบางกลุ่มร้องเรียนเรื่องการจราจร (เสียงนกหวีด) ที่ว่าทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต ให้เปลี่ยนไปใช้สัญญาณไฟแทน
อย่าลืมว่ามันคือเขตโรงเรียน ความปลอดภัยหน้าโรงเรียนต้องมีเป็นอันดับแรก ยังไงก็ขอให้ปรับสภาพและหาพื้นที่ตรงกลางกันให้ได้นะครับ จะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ต่อมาได้มีคุณครูหัวหน้างานจราจรจากโรงเรียนดังกล่าว เข้ามาคอมเมนต์อธิบายปัญหาดังกล่าวใต้โพสต์ว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีการก่อสร้าง โรงเรียนได้รับผลกระทบเรื่องรถบรรทุกที่เข้ามาถมดินในโครงการ ในช่วงเวลาที่นักเรียนต้องมาโรงเรียน ครูก็อำนวยความสะดวกให้ต่าง ๆ ทำไมโรงเรียนไม่เคยร้องเรียนคุณเลย นั่นเพราะเรามองเห็นการเปลี่ยนแปลงและโรงเรียนต้องปรับตัวเหมือนที่ครูได้เล่าให้ฟังทุกอย่าง ที่โรงเรียนมีกิจกรรมเราถูกร้องเรียนหมดครับ แต่เราเลือกที่จะเงียบแค่นั้นเอง
อีกทั้งครูท่านเดิม ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในคอมเมนต์โพสต์เดียวกันว่า เสียงนกหวีดจะหายไป ให้ปิดถนนข้างโรงเรียนกลับไปใช้เส้นทางเดิมเหมือนเมื่อก่อน วนขวาไป ไม่มีถนนตรงนี้เราก็อยู่ได้ นักเรียนข้ามถนนได้ปลอดภัย ครูไม่ต้องเป่านกหวีด นักเรียนและครูปลอดภัย เพื่อลดแรงกระแทกของผู้พักอาศัยเพียงคนเเดียว แต่เขาต้องตอบสังคมให้ได้ครับ ว่าต้องการเช่นนั้นไหม
ในฐานะครูเป็นหัวหน้างานจราจรของโรงเรียน ครูปรับเปลี่ยนการเดินรถของครูและบุคลากรของโรงเรียน ให้วนเข้าประตูด้านหลังเข้าประตู 2 ข้างห้องพลศึกษา เพื่อที่จะไม่ขวางรถที่จะต้องการวิ่งผ่านทางตรงหน้าโรงเรียนและเข้าซอยหมู่บ้าน ทุกคนปรับเปลี่ยนเวลาที่ปริมาณรถที่มาจากไทยรามัญจำนวนมาก เราก็จะปล่อยในปริมาณมาก
เราทำแบบนี้ทุกวัน รถจำนวนมาก คนจำนวนมาก เราจึงจำเป็นต้องใช้สัญญาณนกหวีดเพื่อเป็นการออกคำสั่งระยะไกล เสียงนกหวีดยาวคือหยุด สั้น ๆ สลับกันคือให้เคลื่อนที่ และเราเป่าเฉพาะทิศทางหน้าโรงเรียนให้หยุดทางทิศทางรถที่มาจากไทยรามัญเท่านั้น นอกนั้นกรรมการนักเรียนจะมีธงสีแดงกั้นรถ แค่ช่วงเวลา 06.30 น. – 07.30 น. หลังจากนั้นจะปล่อยรถวิ่งสวนกันสลับกันเองตามปกติแค่นั้น
หลังจากประเด็นดังกล่าวถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์ บรรดาชาวเน็ตต่างแสดงความคิดเห็นอย่างมากมาย อาทิ “ก่อนซื้อไม่ดูพื้นที่รึไง งงมาก” “ก็รู้ว่านี้โรงเรียน มันก็ต้องมีความวุ่นวาย มีเสียงดัง แล้วไม่ทราบว่าคุณมาซื้อบ้านติดโรงเรียนทำไม? ไม่ใช่ว่าพึ่งมีโรงเรียน ก็รู้ว่ามันมีมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ดันมาซื้อใกล้โรงเรียน ทำอย่างกับไม่เคยเข้าโรงเรียนมาก่อน ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่ามันมีงานตลาด” “เหมือนพวกไปซื้อบ้านใกล้สนามบินแล้วโวยวายเรื่องเสียง”
เตรียมใช้ธงสี-สัญญาณมือ แทนนกหวีด
เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2566 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย ได้โพสต์แถลงการณ์เกี่ยวกับประเด็นดราม่าดังกล่าว ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ งานประชาสัมพันธ์ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย เรื่อง การใช้นกหวีดอำนวยความสะดวกในช่วง 06.00 – 07.30 น. ใจความว่า
ตามที่นิติบุคคลหมู่บ้านได้รับแจ้งผู้พักอาศัยภายในหมู่บ้านหลังหนึ่ง เรื่อง เสียงนกหวีดที่เกิดจากการอำนวยความสะดวกให้กับรถยนต์ที่สัญจรไปมาในช่วง 06.00 – 07.30 น. นั้น แม้การอำนวยความสะดวกดังกล่าวจะอยู่นอกเหนืออำนาจและหน้าที่ของโรงเรียนก็ตาม แต่ด้วยในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่นักเรียนเดินทางมาโรงเรียนเป็นจำนวนมาก
อีกทั้งถนนบริเวณโดยรอบโรงเรียนมีทางสามแยกที่อยู่ใกล้เคียงกัน และนักเรียนเดินทางมาจากบ้านมาโรงเรียนในหลายทิศทาง มีนักเรียนจำนวนมากที่ต้องการข้ามถนนเพื่อเดินทางเข้าโรงเรียนในช่วงเช้าซึ่งเป็นช่วงเวลาเร่งด่วน จึงสุ่มเสี่ยงกับการเกิดอันตรายต่อนักเรียนที่เดินทางมาโรงเรียน
จึงได้มีการจัดให้มีครูเวรรักษาการณ์ประจำจุด พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และตัวแทนนักเรียนของโรงเรียน ช่วยอำนวยความสะดวกการจราจรบริเวณสามแยกด้านข้างโรงเรียน และบริเวณทางข้ามถนนบริเวณโดยรอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุกับนักเรียนและผู้สัญจร
แต่อย่างไรก็ดี การอยู่ร่วมกันระหว่างโรงเรียนและชุมชนโดยปราศจากความขัดแย้งก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ด้วยชุมชนก็เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมและพัฒนาโรงเรียนและนักเรียนที่อยู่ในชุมชน โรงเรียนจึงได้แจ้งให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ใช้สัญญาณมือหรือธงสีในการอำนวยความสะดวกการจราจร และใช้นกหวีดเท่าที่จำเป็น เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นกับนักเรียนต่อไป
ด้านของเพจข่าว เรื่องเล่าเช้านี้ ได้สัมภาษณ์ครูเวรของโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย เกี่ยวกับประเด็นดราม่าที่เป็นกระแสอยู่ ณ ตอนนี้ โดยทางครูเวรได้กล่าวว่า จริง ๆ แล้วทางโรงเรียนและหมู่บ้านไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน อีกทั้งยังอยู่ด้วยกันด้วยดีมาตลอด การทำหนังสือให้ทางโรงเรียนของหมู่บ้าน เป็นเพียงการขอความร่วมมือจากลูกบ้านหนึ่งหลังเท่านั้น
อีกทั้งได้ไปสัมภาษณ์นิติบุคคลของหมู่บ้านข้างโรงเรียน ซึ่งนิติบุคคลได้เปิดใจว่า ทางหมู่บ้านและโรงเรียนไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน การขอให้โรงเรียนลดใช้นกหวีดลง เป็นเพียงความต้องการของลูกบ้านเพียงหนึ่งหลัง นอกจากนั้น หลังเกิดประเด็นดราม่าดังกล่าวขึ้น ลูกบ้านคนอื่น ๆ ต้องถูกโจมตีจากสังคมไปด้วย วอนให้สังคมเข้าใจและจบดราม่าเรื่องนี้ เพราะลูกบ้านหลังอื่น ๆ ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด ส่วนลูกบ้านที่ทำหนังสือไปที่โรงเรียน ในภายหลังไม่ติดใจอะไรแล้ว ทางโครงการได้ปรับความเข้าใจเรียบร้อย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สับเละ ดราม่าลูกบ้านหมู่บ้านดังโวย โรงเรียนอยู่มาก่อน 30 ปี เป่านกหวีดเสียงดัง
- โรงเรียนออกเอกสารแจง ถูกร้องเรียน ปมเป่านกหวีด สั่งใช้แค่เท่าที่จำเป็น