วิเคราะห์แรงจูงใจคนร้าย “คดีน้องชมพู่” เชื่อพาไปเที่ยวปกติ แต่พลาดจนเรื่องบานปลาย
นักข่าวสาว เผยมูลเหตุ ตำรวจวิเคราะห์แรงจูงใจคนร้าย คดีน้องชมพู่ ต้นตอจากเหตุน้ำผึ้งหยดเดียว คนร้ายน่าพาไปเที่ยวปกติ แต่พลาดเรื่องบานปลาย อยากปกปิดความผิดพาร่างที่ยังมีชีวิตไปซ่อน
วันที่ 21 ธ.ค.2566 เฟซบุ๊กแฟนเพจ น้อง-ธัญญารัตน์ ถาม่อย ออกมาโพสต์ข้อความวิเคราะห์แรงจูงใจของคนร้ายคดีน้องชมพู่ เด็ก 3 ขวบ แห่งบ้านกกกอกที่หายตัวปริศนาก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยในโพสต์โซเชียลของผู้สื่อข่าวหญิงมีการตั้งข้อสังเกตปมทั้งหมดอาจเกิดจากน้ำผึ้งหยดเดียว โดยเนื้อหาทั้งหมดระบุ ” ตร.วิเคราะห์แรงจูงใจคนร้าย #คดีน้องชมพู่ เกิดจากน้ำผึ้งหยดเดียว ! คนร้ายน่าจะพาน้องไปเที่ยวด้วยปกติ แต่เด็กอาจงอแง ตัวเองระงับอารมณ์ไม่อยู่พลาดทำร้าย จากนั้นบานปลายเพราะอยากปกปิดความผิด พาน้องที่ยังมีชีวิต (อิงจากสภาพศพ)ไปซ่อน สุดท้ายเด็กตาย ! ”
ต่อมา มีคนเข้ามาพิมพ์สอบถามเพิ่มเติมด้วยว่า “สาเหตุที่ตัดผมน้องคืออะไรคะ มีประเด็นนี้ไหม” ซึ่งเจ้าของเพจก็เข้ามาตอบว่าเป้นความเชื่อทางไสศาสตร์
นอกจากนี้ยังมีข้อความแสดงความเห็นที่ระบุ “ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าโดนทำร้ายหรือไม่ เพราะสภาพศพคือเน่า ไปแล้ว แต่ถ้าจะเป็นการทำร้าย ก็จะเป็นส่วนของช่องปากน้อง เพราะเน่ามากกว่าส่วนอื่นๆ ของร่างกาย..” ด้วย
สำหรับคดีน้องชมพู่ ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นอีกครั้ง ภายหลังศาลจังหวัดมุกดาหาร พิพากษาจำคุก นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยในคดี ใน 2 ข้อหา คือ มาตรา 291 กระทำโดยประมาท ให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คุก 10 ปี และมาตรา 317 พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 โดยปราศจากเหตุอันสมควร คุก 10ปี พร้อมให้ชดใช้สินไหมกับครอบครัวน้องชมพู่
ส่วน นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น ถูกยกฟ้อง โดยยกประโยชน์เหตุอันควรสงสัย ก่อนที่ภายหลังศาลจะให้ ลุงพล ประกันตัวด้วยวงเงิน 5 แสนบาท และเตรียมที่จะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมในชั้นอุทธรณ์ต่อไป โดยคดีนี้ตำรวจสอบญาติคนใกล้ชิดที่สามารถเข้าถึงเด็กได้รวม 14 คน มีเพียงลุงพลไม่หลักฐานยืนยันที่อยู่ในช่วงเกิดเหตุ
ทั้งนี้ การออกมาใหข้อมูลของ “น้อง” ธัญญารัตน์ ผู้สื่อข่าวหญิงของพีพีทีวี สอดคล้องกับรายงานก่อนหน้านี้ของข่าวสด ที่เคยรายงานข่าวจากทีมสืบสวนสอบสวน ซึ่งได้ให้ข้อมูลสรุปถึงประเด็นสาเหตุที่ลุงพล ตกเป็นผู้ต้องหากระทำผิด โดยทำให้น้องชมพู่ถึงแก่ชีวิตนั้น เชื่อว่ามาจากพฤติกรรมที่เป็นคนโมโหร้าย โดยเฉพาะกับเด็ก ซึ่งพบมีกรณีตัวอย่างเกิดกับเด็กที่อยู่ใกล้ชิดกับลุงพลรายอื่น มักถูกลุงพลดุด่าและเฆี่ยนตีบ่อย ๆ
ส่วนเคสน้องชมพู่นั้นมีข้อสันนิษฐานในวันเกิดเหตุลุงพลมาพบน้องชมพู่ที่บ้านแล้วชักชวนออกไปเที่ยวเล่น ระหว่างทางเมื่อไปถึงบริเวณป่าที่ห่างออกไปจากบ้าน 900 เมตร คาดว่าน้องชมพู่จะร้องไห้ตกใจ เนื่องจากเป็นเด็กที่กลัวป่า ทำให้ลุงพลโมโห อาจดุด่าทำร้ายน้องชมพู่อย่างพลั้งเผลอ โดยผลการตรวจพิสูจน์ของแพทย์นิติเวช พบร่องรอยชี้ว่ามีการร้องไห้อย่างตกใจมาก และเป็นไปได้ที่จะถูกอุดปาก คาดว่าลุงพล คงใช้มือปิดปากจนเด็กแน่นิ่งไป แล้วเกิดความตกใจจึงนำร่างนั้นไปทิ้งไว้ภายในป่า.