ทำไม “วันคริสต์มาส” ต้องใช้ “ต้นสน” พร้อมที่มา ของตกแต่งต้นคริสต์มาส
เผยสาเหตุการใช้ “ต้นสน” เป็นสัญลักษณ์ของ “วันคริสต์มาส” ในวันที่ 25 ธันวาคม พร้อมเผยความหมาย สิ่งของประดับต้นคริสต์มาส แต่ละชิ้นมีที่มาและสื่อถึงอะไรบ้าง ทำไมต้องใช้ธีมสีแดง-สีเขียว เฉลยความจริงการประดับดาวบนยอดต้นสนวันคริสต์มาส ที่ไม่ได้มีแค่เรื่องความสวยเพียงอย่างเดียว และมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับพระเยซูคริสต์
ตอบแล้ว ทำไมต้องใช้ “ต้นสน” ในวันคริสต์มาส
สำหรับสาเหตุของการนำ “ต้นสน” มาเป็นสัญลักษณ์ใน “วันคริสต์มาส” นั่นเป็นเพราะว่า ต้นสนจะเขียวชอุ่มตลอดทั้งปีแม้ในฤดูหนาว สื่อถึงความมีชีวิตชีวาและความอุดมสมบูรณ์ และยังสื่อถึง พระเยซู เกี่ยวกับการเกิดใหม่ของชีวิต ส่วนยอดแหลมสูงของต้นส้น ก็มีลักษณะคล้ายกับโบสถ์ ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญของชาวคริสต์ รวมไปถึงต้นสนในลักษณะนี้ ยังสามารถพบเห็นได้ในทวีปยุโรป ซึ่งเป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนาทั่วโลก ทำให้ได้รับความนิยมจนถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์วันคริสต์มาสเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้การใช้ต้นสนในวันคริสต์มาส เกี่ยวโยงกับตำนานความเชื่อของ พระเยซู บิดาแห่งศาสนาคริสต์ด้วย บ้างก็ว่าต้นคริสต์มาสมีต้นกำเนิดมาจากประเพณีของชาวเยอรมันโบราณ เชื่อว่าต้นสนเป็นต้นไม้แห่งชีวิตที่เติบโตขึ้นในสวนเอเดน เปรียบเสมือนพระเยซูคริสต์ ซึ่งเชื่อว่าพระองค์เป็นต้นไม้ที่มอบความรอดให้กับมนุษยชาติ
อีกความเชื่อเล่าว่า ต้นคริสต์มาสมีต้นกำเนิดมาจากประเพณีของชาวโรมันโบราณ เชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีในช่วงเทศกาลฤดูหนาว ชาวโรมันจะประดับประดาต้นไม้ด้วยผลไม้ ถั่ว และเทียนเพื่อความอุดมสมบูรณ์
ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 16 ชาวเยอรมันถือเป็นผู้ริเริ่มธรรมเนียมการนำต้นสนมาตกแต่งในช่วงเทศกาลคริสต์มาส จนลามไปยังประเทศอื่น ๆ ในยุโรปและทั่วโลก
อย่างไรก็ตามการใช้ต้นสนเป็นสัญลักษณ์วันคริสต์มาสไม่มีข้อกำหนดตายตัว แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าเมื่อใดที่เห็นต้นไม้สูงใหญ่ สีเขียวจะรับรู้ได้ถึงฤดูแห่งการเฉลิมฉลองที่เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ความหมาย ของตกแต่งต้นคริสต์มาส มีอะไรบ้าง
ต้นคริสต์มาสประกอบด้วย ออนาเมนต์ (Ornament) หรือพร็อบช่วยเพิ่มสีสัน ตั้งแต่ดอกไม้ ไฟจิ๋ว ดาวประดับยอดต้นคริสต์มาส อมยิ้มไม้เท้า รวมถึงดอกไม้ซึ่งเห็นปุ๊บรู้ปั๊บว่าคือเทศกาลอะไร ไปดูกันดีกว่าว่านอกจากสวยแล้วแต่ละชิ้นมีความหมายน่าสนใจอะไรบ้าง
1. ต้นคริสต์มาส (Poinsettia Tree)
เป็นต้นไม้สีแดงที่นำมาประดับบ้าน แต่ไม่ได้ถูกประดับไฟแบบต้นสน ตามตำนานความเชื่อของชาวคริสต์ เกิดจากหญิงสาวชาวไร่ผู้ยากไร้ผู้กังวลถึงของขวัญที่จะนำไปมอบให้พระแม่มารี นางฟ้าจึงมอบเมล็ดพันธุ์ให้เธอไปเพาะเมื่อถึงเทศกาลคริสต์มาส เมล็ดพันธุ์ได้เติบโต และมีใบยอดและดอกสีแดงเลือดหมูสดใส นับแต่นั้นมาต้น Poinsettia Tree ได้กลายเป็นต้นไม้ที่นิยมประดับประดาโบสถ์และบ้านในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
2. ดาวบนต้นคริสต์มาส (Christmas Star)
ดาวบนยอดต้นคริสต์มาส มีอยู่ 2 ความเชื่อ อย่างแรกเชื่อว่าเป็นดาว Star of David เพื่อขับไล่ภูตผีปิศาจ เป็นสัญลักษณ์ที่นิยมในตะวันออกกลางของชาวยิว
ตำนานที่สองเชื่อว่าในช่วงเวลาที่พระเยซูประสูติพระผู้ทำนายดวงได้มองเห็นดวงดาวประกายบนท้องฟ้า จึงออกตามหากระทั่งพบสถานที่ประสูติของพระเยซู ที่เมืองเบธเลเฮม กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเสด็จลงมาประสูติบนโลกมนุษย์ของพระเยซู เรียกดาวดวงนี้ว่า Star of Bethlehem การปักดาวบนยอดจึงเป็นธรรมเนียมที่ขาดไม่ได้ในเทศกาลนี้
3. ต้นฮอลลี่ (Holly)
นอกจากนี้ยังพบใบและลูกต้นฮอลลี่ (Holly Tree) นำมาทำเป็นพวงมาลัยต้นคริสต์มาส หรือนำมาทำต้นคริสต์มาส ด้วยลักษณะของลูกฮอลลี่มีสีแดง และมีพิษ เป็นสัญลักษณ์ของเลือดของพระเยซูที่ไหลหยดจากไม้กางเขน สีแดง และสีเขียว ของฮอลลี่ เป็นสัญลักษณ์ของความรักและศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า
4. พวงมาลัยคริสต์มาส (Christmas Wreath)
แต่ละบ้านจะแขวน Christmas Wreath หรือเรียกว่า หรีดคริสต์มาส ไว้ที่หน้าประตู เพื่อระลึกถึงมงกุฎหนามบนศีรษะของพระเยซู มักตกแต่งหรีดให้มีสีสันแดง เขียวสวยงามด้วยต้นฮอลลี่สีแดง มีเชื่อว่าสิ่งนี้จะคุ้มกันคนในบ้านให้ปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้าย และประทานโชคดีให้กับเจ้าบ้าน
5. ดอกกุหลาบบนต้นคริสต์มาส (Christmas Rose)
ดอกกุหลาบบนต้นคริสต์มาส มีลักษณะเป็นสีขาวและมีสีชมพูบนปลายกลีบ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Helleborus Niger Christmas Rose ตามตำนานเล่าว่า ช่วงที่พระเยซูประสูติมีโหราจารย์ 3 ท่านเดินทางมาหาพระเยซู ประชาชนต่างเตรียมของขวัญมาถวาย แต่หญิงเลี้ยงแกะคนหนึ่งไม่ได้เตรียมมา เนื่องจากวุ่นอยู่กับการเฝ้าแกะ จู่ ๆ นางฟ้าได้บันดาลดอกไม้นี้ให้ผุดขึ้นมาจากหิมะใกล้เท้าของเธอ เพื่อมอบแก่พระเยซูตามความตั้งใจ โดยมีความหมายสื่อถึงความรักบริสุทธิ์นั่นเอง
6. ลูกกวาดไม้เท้า (Candy Canes)
สาเหตุที่ทำเป็นรูปไม้เท้า (Cane) เพื่อระลึกถึงคนเลี้ยงแกะ โดยจุดประสงค์ที่แท้จริงของอมยิ้มรูปไม้เท้า เกิดจากนักเทศน์ต้องการใช้เป็นอุบายล่อให้เด็ก ๆ ที่มาร่วมร้องเพลงวันคริสต์มาสอยู่ในความสงบ ไม่เล่ยซนวุ่นวายนั่นเอง จนกลายเป็นไอค่อนประจำเทศกาลไปเลย
7. ไฟประดับ แสงเทียน
เชื่อว่าพระเยซูนำแสงสว่างมาสู่โลกมนุษย์ ในเทศกาลคริสต์มาสถึงมีต้นสนที่ประดับไฟสว่างไสวสวยงามมากมาย มักเล่นกับความระยิบระยับคล้ายแสงไฟบนกล่องของขวัญ กระดิ่งสีทอง กิ่งต้นมิสเซิลโท ผลไม้สีแดง ถุงเท้า หรือดวงดาว เพื่อเติมความแสงสว่างในกับผู้คนในวันคริสต์มาส
8. ระฆัง กระดิ่งบนต้นคริสต์มาส
ก่อนถึงวันคริสต์มาสจริง ในคืนวันที่ 24 ธันวาคม ตามตำนานเล่าว่ามีเสียงกระดิ่งดังกังวานในคืนคริสต์มาสอีฟ เพื่อเฉลิมฉลองการเกิดของพระเยซู สัญลักษณ์ของการตีระฆังในคืนวันคริสต์มาสจึงหมายถึงการลดพลังงานความมืด เพิ่มความมีชีวิตชีวา เสียงของระฆังและกระดื่งใช้ป่าวประกาศว่าใกล้ถึงวันคริสต์มาส และมีการใช้ประดับบนต้นสนมาถึงปัจจุบัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม