พบโควิดโอมิครอน JN.1 ในประเทศไทย 1 ราย พร้อมเปิดเผย 13 คุณสมบัติสายพันธุ์นี้
พบผู้ป่วยโควิดโอมิครอน JN.1 ในประเทศไทย 1 ราย คาดต้นปีหน้าจะเป็นสายพันธุ์หลัก พร้อมเปิดเผย 13 คุณสมบัติสายพันธุ์นี้
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเปิดเผยว่าประเทศไทยพบผู้ป่วยโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 ซึ่งเป็นรุ่นลูกของโอมิครอน BA.2.86 ในประเทศไทยแล้ว 1 ราย โดยมีการแชร์รหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมที่แยกได้จากผู้ติดเชื้อในกรุงเทพมหานครฯ ไว้บนฐานข้อมูลโควิดโลกจีเสส (GISAID) คาดว่าต้นปีหน้าอาจแพร่เป็นสายพันธุ์หลักเหมือนประเทศอื่น
พร้อมกันนี้ทางศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ยังได้เปิดเผยถึง 13 คุณสมบัติของโอมิครอน JN.1 ด้วยว่า “13 คุณสมบัติสำคัญของโอมิครอน JN.1 ที่ควรทราบจากองค์การอนามัยโลก, กรมควบคุมโลกสหรัฐฯ, จีเสส(GISAID), และหน่วยงานหลักประกันสุขภาพของสหราชอาณาจักร(UK Health Security Agency)
1. คุณสมบัติการหลบหนีระบบภูมิคุ้มกันของโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 อาจทำให้มีการติดเชื้อซ้ำในกลุ่มประชากรเพิ่มขึ้นอย่างมาก
2. ในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้ว่าโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 จะเป็นภัยคุกคามต่อระบบสาธารณสุขมากกว่าโอมิครอนสายพันธุ์อื่น ๆ ที่มีการหมุนเวียนติดต่อทั่วโลกอยู่ในขณะนี้
3. บุคคลที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง และบุคคลที่มีโรคร่วมอื่น ๆ ที่รุนแรงสามารถป้องกันตนเองได้ด้วยวิธีที่ทดสอบแล้วว่ามีประสิทธิภาพ เช่น การสวมหน้ากากอนามัย
4. คุณสมบัติการหลบหนีระบบภูมิคุ้มกันที่สูงขึ้นของโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 เมื่อเทียบกับรุ่นพ่อแม่โอมิครอน BA.2.86 อาจทำให้สามารถแข่งขันกับสายพันธุ์อื่น ๆ ได้และกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกในปี 2567
5. องค์การอนามัยโลกกังวลว่าการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลกมีจำนวนลดลงอย่างมากอันอาจทำให้เราระบุจำนวนโอมิครอนสายพันธุ์ที่กำลังอุบัติขึ้นในขณะนี้เช่น JN.1, XDD คลาดเคลื่อน ส่งผลให้การวางแผนการป้องกันและการรักษาผิดพลาดได้
6. องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังคงประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับสายพันธุ์ย่อยของ SARS-CoV-2 เช่น JN.1, XDD อย่างต่อเนื่อง
7. ในขณะนี้ ความเสี่ยงทางสาธารณสุขที่คาดว่าจะเกิดจากโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำสำหรับการเกิดเป็นโรครุนแรงเมื่อเทียบกับโอมิครอนสายพันธุ์อื่น ๆ
8. โอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 มีการแพร่กระจายที่มากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ที่มีการหมุนเวียนทั่วโลกในปัจจุบัน แต่ประเมินว่าไม่น่าจะถึงระดับของการระบาดครั้งแรกของโควิด-19 หรือการระบาดของโอมิครอนครั้งแรก
9. สัดส่วนของผู้ป่วยที่เกิดจากการติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 กำลังเพิ่มขึ้น แต่ไม่ปรากฏว่ามีผู้ติดเชื้อเจ็บป่วยหนักต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
10. ยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าสายพันธุ์โอมิครอน JN.1 จะก่อให้เกิดโรคที่รุนแรงขึ้น
11. การแพร่ติดต่ออย่างรวดเร็วของโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น ๆ ทำให้เกิดคำถามว่ามันอาจขับเคลื่อนให้เกิดการเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อไปทั่วโลก
12. วัคซีนโควิด-19 เจนเนอเรชันล่าสุด “XBB.1.5 โมโนวาเลนต์” จากการทดสอบทั้งในสัตว์และทั้งในอาสาสมัครพบว่าป้องกันการติดเชื้อจากโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 ได้ดี
13. การทดสอบทางห้องปฏิบัติการด้วย ATK, PCR และการรักษาโควิด-19 ด้วยยาต้านไวรัสยังมีประสิทธิภาพต่อโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1”