ข่าว

ชายติดคุกไม่รู้หนังสือ ร้องเอาผิดญาติ ถูกขู่ให้เซ็นเอกสาร โดนโกงมรดก 200 ล้าน

ชายติดคุก 6 ปี ไม่รู้หนังสือ เดินทางร้องเอาผิดญาติ หลังถูกซู่ให้เซ็นเอกสาร โดยไม่รู้ว่าเป็นเอกสารอะไร ก่อนโดนโกงมรดก 200 ล้าน

เมื่อช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. ของวันที่ 18 ธันวาคม นายนนทรานุวัฒน์ พรหมจันทร์ ประธานคณะติดตามงานจังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วย นายปรีชา เครือพลอย อายุ 42 ปี และ น.ส.ศิริลักษณ์ จันทร์อ้น อายุ 32 ปี สองสามีภรรยา เดินทางเข้าพบ นายวัชระ เลิศพงศ์วรพันธ์ ทนายความ เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับกลุ่มเครือญาติ จำนวน 6 คน หลังคาดว่ามีการปลอมลายเซ็นในพินัยกรรม ของนางชุ่ม เครือพลอย มารดาของ นายปรีชา และมีการนำที่ดินมรดกไปขายแล้วบางส่วน เป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีที่ดินอีกเกือบ 100 ไร่ มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท ถูกแอบอ้างโอนเป็นชื่อเครือญาติ โดยการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกแทนลูกชาย โดยได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี

นายปรีชา เครือพลอย ลูกชายนางชุ่ม เครือพลอย เล่าว่า ตนถูกจับดำเนินคดี จำคุกที่เรือนจำนนทบุรี เมื่อช่วงปี 53 ในช่วงเวลานั้น แม่ของตนขณะนั้นอายุ 88 ปี ป่วยเป็นมะเร็ง ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี กลุ่มเครือญาติได้นำเอกสารมาให้ตนเซ็น ซึ่งตนอ่านหนังสือไม่ออก เพราะเรียน ป.6 ไม่จบ ตนจึงไม่เซ็น หลังจากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ในเรือนจำได้นำเอกสารมาให้ตนเซ็นอีก โดยมีคำขู่ ตนด้วยความกลัวจึงเซ็นโดยที่ไม่ทราบว่าเป็นเอกสารอะไร

หลังจากได้พ้นโทษมาเมื่อประมาณปี 61 จึงมาทราบว่าทางกลุ่มเครือญาติได้ไปร้องขอต่อศาลเป็นผู้จัดการมรดกของแม่ตน นอกจากนั้นยังพบว่าแม่ตนได้มีการทำพินัยกรรมยกที่ดินให้กลุ่มเครือญาติ ซึ่งตนมาทราบภายหลัง โดยตรวจสอบเอกสารพินัยกรรมพบว่าลายเซ็นในพินัยกรรมไม่ใช่ลายเซ็นของแม่ตน ตอนนี้ตรวจสอบมรดกของแม่ทั้งหมด มีที่ดินพร้อมอาคารพาณิชย์ 3 คูหา ติดถนนรัตนาธิเบศร์ ถูกขายไปเป็นเงิน 36 ล้านบาท และที่ดินจำนวน 11 ไร่ ต.ราษฎร์นิยม อ.ไทรน้อย ถูกขายเป็นเงิน 11 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 47 ล้านบาท โดยกลุ่มญาติแบ่งเงินให้มา 4 ล้านบาทเท่านั้น

ยังมีที่ดินเหลืออีกอยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี, อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี และที่ด้านหลัง สภ.รัตนาธิเบศร์ รวมกว่า 100 ไร่ คิดเป็นมูลค่ากว่า 150 ล้านบาท ถูกโอนแบ่งเป็นชื่อเครือญาติ รวม 6 คน ซึ่งตนเกิดข้อสงสัยในมรดกของแม่ ว่าทำไมตนเป็นลูกคนเดียว แต่ทำไมมรดกต้องถูกแบ่งให้คนอื่นที่เป็นญาติห่างๆ ด้วย จึงได้นำเรื่องมาคุยกับแม่ยาย และภรรยา ในที่สุดได้นำเรื่งราว และหลักฐาน มาปรึกษา นายนนทรานุวัฒน์ พรหมจันทร์ ประธานคณะติดตามงานจังหวัดนนทบุรี ให้ช่วยเหลือ และได้มอบหลักฐานให้ทนายความดำเนินการพาเข้าแจ้งความและช่วยเหลือทางด้านคดีทั้งหมด

ขณะที่ภรรยาเล่าว่า หลังสามีเล่าเรื่องมรดกแม่เขาให้ฟัง ตนก็สงสัยในเรื่องพินัยกรรมว่าแม่เขาทำจริงหรือไม่ ซึ่งญาติในกลุ่มนี้บอกว่าพ่อแม่สามีมีลูกคนเดียว ไม่จำเป็นต้องทำพินัยกรรม ทรัพย์สมบัติต้องตกเป็นของลูกทั้งหมดอยู่แล้ว ทำให้คิดว่าพินัยกรรมไม่ชอบธรรม และผิดปกติ จึงไปร้องขอคัดพินัยกรรม จากศาลนนทบุรี เมื่อสามีเช็กรายเซ็น ก็ยื่นยันว่าไม่ใช่ลายเซ็นของแม่แน่นอน จึงได้ตรวจสอบรายละเอียดมรดกทั้งหมด ตอนนี้ตน และสามีได้ค้นห้องของแม่ และพบเอกสารต่างๆ ของแม่ ทั้งโฉนดที่ดิน และเอกสารประกันต่างๆ ลายเซ็นนำมาเปรียบเทียบก็ไม่เหมือนกัน

ด้าน นายวัชระ เลิศพงศ์วรพันธ์ ทนายความ กล่าวว่า นายปรีชา เรียนหนังสือแค่ ป.6 จบมาแบบไม่รู้เรื่อง ระหว่างที่เขาติดคุกในเรือนจำ กลุ่มญาติได้นำเอกสารมาให้เซ็นก็เซ็นแบบไม่รู้ เพราะอ่านไม่ออก และถูกขู่จนเกิดความกลัว หลังตนรับเรื่องได้ตรวจสอบเอกสารทั้งหมด พบว่ามีที่ดินบางส่วนถูกขายไปแล้ว และยังเหลือที่ดินที่ถูกแบ่งออกเป็นชื่อญาติคนอื่นอีกจำนวน 6 แปลง ตอนนี้ตนได้คัดเอกสารจากทางศาลจังหวัดนนทบุรีจึงพบข้อพิรุธ ตนจึงได้พาเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ให้ตรวจสอบพินัยกรรมลงวันที่ 18 พ.ค. 53 ว่าเป็นพินัยกรรมปลอม และใช้พินัยกรรมปลอมหรือไม่ เพราะอาจทำให้นายปรีชาได้รับความเสียหาย และให้ดำเนินการให้พินัยกรรมเป็นโมฆะเพราะทำในขณะที่มารดาป่วยหนัก โดยหลังจากพิสูจน์ทราบก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อคนทั้งหมด

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างมอบหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ และอยู่ระหว่างเรียกผู้เสียหายเข้าสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button