หญิงรายหนึ่งปวดท้องนานกว่า 10 วัน พบแพทย์จึงรู้สาเหตุ ตั้งครรภ์ 6 เดือน แต่พบเด็กทารกในช่องท้อง เคสการตั้งครรภ์นอกมดลูกที่พบเพียง 1%
แม้วิทยาการทางการแพทย์จะล้ำหน้าล้ำสมัย แต่ความผิดปกติทางร่างกายของมนุษย์นั้น มีมากมายเกินกว่าเรียนรู้ได้หมด วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2566 เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศ NEW YORK POST รายงานข้อมูลจากกรณีศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร New England Journal of Medicine เคสของหญิงสาวรายหนึ่งที่ปวดท้องอย่างรุนแรง แต่มาทราบทีหลังว่าเธอกำลังตั้งครรภ์
หญิงสาวรายนั้นอายุ 37 ปี เธอมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงและมีอาการท้องอืดร่วมด้วย เธอต้องทนกับอาการปวดต่อเนื่องนานกว่า 10 วัน ก่อนจะเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ห้องฉุกเฉิน ซึ่งภายหลังจากการสแกนช่องท้องพบว่า เธอกำลังตั้งครรภ์ได้ 23 สัปดาห์ และทารกมีรูปร่างปกติ
ที่น่ากังวลคือ เธอกำลังประสบปัญหาการตั้งครรภ์นอกมดลูก เนื่องจากเด็กทารกอยู่ในช่องท้อง คาดสาเหตุมาจากไข่ที่ปฏิสนธิไปฝังนอกมดลูกและไปฝังในช่องท้องแทน ซึ่งเคสการตั้งครรภ์ที่ช่องท้อง พบเพียง 1% ของการตั้งครรภ์นอกมดลูกเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การตั้งครรภ์นอกมดลูกคิดสัดส่วนเป็น 2% ของการตั้งครรภ์ทั้งหมด มักเกิดขึ้นในท่อนำไข่ และแม่อาจเป็นอันตรายได้ เนื่องจากอาจเกิดอาการเลือดออกภายใน ท่อนำไข่แตก ช็อก รวมไปถึงปวดท้อง เวียนศีรษะและอ่อนแรง
จากกรณีดังกล่าว หญิงรายนั้นจึงถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่มีความพร้อม เนื่องจากอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น การตกเลือดหรือการเสียชีวิตของทารกในครรภ์ และเมื่อทารกคลอดออกมา จะถูกส่งไปในห้องไอซียูทารกแรกเกิด
สำหรับเคสการท้องนอกมดลูก ทารกจะมีชีวิตอยู่ได้เมื่อตั้งครรภ์ครบ 24 สัปดาห์ แต่อัตราการรอดชีวิตอยู่ที่ประมาณ 60 – 70% เท่านั้น และหากอยู่ถึงสัปดาห์ที่ 28 โอกาสรอดชีวิตจะสูงขึ้นมาก ประมาณ 80 – 90% ส่วนแม่และลูกต้องอยู่ดูอาการที่โรงพยาบาลประมาณ 3 เดือน หลังจากนั้นจึงจะออกจากโรงพยาบาลได้
กรณีการตั้งครรภ์ที่ช่องท้องไม่ใช่เคสแปลก ๆ เคสแรก เพราะกุมารแพทย์ท่านหนึ่งเคยแชร์เคสทารกเกิดในตับของผู้หญิง ซึ่งเรื่องความผิดปกติของมนุษย์ เป็นสิ่งที่แพทย์ต้องศึกษาและวิจัยกันต่อไป
อ้างอิง : NEW YORK POST
