ข่าว

น่าชื่นชม ‘เช็ค สุทธิพงษ์’ เล่าสาเหตุ ลูกจบเกียรตินิยม แต่เลือกทำงานร้านทำผม

เปิดเรื่องเล่า ‘เช็ค สุทธิพงษ์’ เผยความจริงจากพ่อ ผู้มีลูกเรียนจบเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ แต่ตัดสินใจทำงานเป็นลูกจ้างร้านทำผม “ความธรรมดาของลูกแค่นี้ ก็เป็นรางวัลที่พิเศษสุดของพ่อ” สุดยอดความคิดที่น่าชื่นชม

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา เช็ค สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ผู้จัดรายการและพิธีกรชื่อดัง จากรายการคนค้นตน เผยเรื่องเล่าเรียกรอยยิ้มให้แก่ผู้อ่าน ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Suthipong Thamawuit

บทสนทนาระหว่างพ่อกับลูกสาว ดีกรีบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลับชั้นนำของประเทศ ผู้มีอาชีพเป็นลูกจ้างร้านทำผม ที่แม้เป็นเพียงถ้อยคำไม่กี่คำแต่กลับทำให้คนอ่านหวนนึกถึงความสุขที่แท้จริงของชีวิต คำนิยามของรางวัลหรือการประสบความสำเร็จนั้นเป็นอย่างไร หากมองมุมกลับและกลับมุมมอง ชีวิตคนเป็นพ่อเป็นแม่นั้นพิเศษยิ่งกว่าที่คิด

“ผมพบว่า ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งพิเศษเหนือความคาดหมายอะไรมามอบให้ เพียงแค่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ จากลูก ก็นำความสุขมาให้คนเป็นพ่อแม่ได้มากมาย

เมื่อคืน ลูกสาวคนเล็กที่ทำงานเป็นผู้ช่วยช่างทำผมในร้านซาลอน เอามือที่สากและลอกเป็นขุยของเธอมาให้ดู จับมือพ่อไปเทียบกันแล้วบอกว่า ดูสิ ตอนนี้มือพ่อนุ่มกว่ามือหนูอีก

ผมถามว่าเป็นเพราะสารเคมีหรือเปล่า เพราะงานของเธอเกี่ยวกับการย้อมสีผม เธอบอกว่าไม่ เพราะตอนใช้สารเคมีเธอใส่ถุงมือ เธอไม่ได้กังวลกับมือที่สากและลอกเป็นขุยนั้น แต่เหมือนจะอวดว่านั่นคือร่องรอยของความเอาจริงเอาจังจากการทำงาน งานของเธอเป็นลูกจ้างเล็ก ๆ เด็กฝึกหัดอยู่ในร้านทำผมขนาดย่อม ที่เธอรู้สึกว่าเธอโชคดีที่ได้ทำงานในร้านนี้

เธอตื่นไปทำงานอย่างกระตือรือร้น มีวินัยและกลับจากทำงานด้วยความสุขทุกวัน แม้ว่าบางวันจะ “ยม” จนแทบไร้วิญญาณ

อย่างวันที่ผ่านมานี้ เนื่องจากลูกค้าที่มาอุดหนุนร้าน กับจำนวนพนักงานที่มีลากิจบ้าง ลาป่วยบ้าง สร้างความชุลมุนในการทำงานไม่น้อย และกว่าจะเสร็จก็ค่ำมืด เธอยืนทำงานทั้งวันจน “ยม” แต่เมื่อกลับถึงบ้าน ทุกครั้งสิ่งที่เธอนำกลับมาให้พ่อเห็น ก็คือความภาคภูมิใจที่ทำภารกิจลุล่วงจนได้ ผมพบว่านี่เป็นโบนัสที่เธอได้รับจากการทำงานแทบทุกวัน และทุกคืนที่นั่งคุยกัน ผมก็จะพลอยมีความสุขกับเธอไปด้วยอ

เมื่อคืนเธอพูดกับผมในสิ่งที่ไม่เคยพูดมาก่อน เธอบอกว่า เธอเป็นพนักงานฝึกหัดที่ถูกตั้งคำถามว่า ทำไมถึงมาทำงานเป็นลูกจ้างร้านทำผม ผมถามว่าทำไม

เธอบอกว่า พ่อนึกออกไหม สังคมจะมีเกรดหรือภาพของเด็กลูกจ้างในร้านทำผมแบบหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เด็กจบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะเกี่ยวกับโซเชี่ยลเอนเตอร์ไพรซ์ ด้วยเกรดเกียรตินิยมอันดับหนึ่งอย่างเธอ ซึ่งน่าจะไปทำงานสตาร์ทอัพ หรือไม่ก็งานสื่อสารองค์กรในบริษัทชั้นนำ ที่น่าจะมีรายได้และอนาคตมากกว่าการดัดย้อมผมหลายเท่า แต่เธอไม่เคยมองว่าเธอเป็นคนเกรดไหน และงานทำผมเป็นงานของคนเกรดอะไร แค่เธอพบว่า งานทำผมคืองานที่เธอทำแล้วมีความสุข

ผมไม่เคยสงสัยและคาดหวังอื่นใดในการเลือกของลูก ผมมีความสุขกับการที่ลูกไปทำงานอย่างมีความสุข และกลับจากทำงานด้วยความสุขและภาคภูมิใจทุกวัน

ผมคิดว่า นี่คือคือปัจจุบันและการเริ่มต้นที่ดีที่สุด การเริ่มต้นเดินทางที่ชัดเจนและรู้ความหมายนั้น จะนับว่าเป็นความสำเร็จขั้นหนึ่งก็น่าจะได้ เพราะในวัยเดียวกัน ผมเคยผ่านมาแล้ว ด้วยความเคว้งคว้าง จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้จะพาชีวิตไปทางไหนดี อย่าว่าแต่ทางที่ไปใช่หรือไม่เลย แม้แต่เขาเลือกทางชีวิตกันแบบไหน อย่างไรผมก็ยังไม่รู้ เพราะฉะนั้น เห็นความธรรมดาของลูกแค่นี้ ก็เป็นรางวัลที่พิเศษสุดของพ่อแล้ว

ก่อนขอตัวขึ้นไปนอน เธอบอกว่า พ่อก็เป็นช่างตัดผมได้นะ ถ้าได้เรียน ผมบอกว่าก็น่าจะได้นะ แต่น่าจะเลี้ยงลูกไม่ได้ เพราะไม่น่าจะมีใครมาตัดกับพ่อ เธอหัวเราะแล้วบอกทีเล่นทีจริงว่า แต่มือนี้เลี้ยงพ่อได้นะ เพราะนี่คือมือของคนที่จะรวย ผมนึกในใจ ถ้ามือสากด้านบ่งบอกความรวย ที่ผ่านมา พ่อน่าจะระดับมหาเศรษฐี แต่ไม่ทันได้พูด เธอก็บอกว่า ไปอาบน้ำนอนล่ะ พรุ่งนี้ต้องรีบไปแต่เช้า

ผมถามว่าทำไมต้องไปแต่เช้า ก็วันนี้ยมมาทั้งวัน เธอบอกว่าไปพับฟอยล์ (วัสดุที่ใช้ในการทำสีผม) เดี๋ยวจะไม่มีใช้ ผมถามว่าปกติเป็นหน้าที่ของลูกหรือ เธอบอกว่าไม่ใช่ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกัน ถามต่อว่าถ้าลูกไม่พับ ใครพับ เธอตอบว่าเจ้าของร้าน ผมบอกว่าถ้าร้านมีพนักงานที่คิดแบบลูกสักครึ่งหนึ่ง จะเป็นร้านที่ดีและเจ้าของร้านก็โชคดีมาก

เธอขึ้นไปแล้ว ผมคิดว่าไม่ใช่แค่เจ้าของร้านหรอกที่โชคดี ตัวเองก็โชคดีมาก ที่ได้รางวัลเสมอจากการสนทนากับลูก”

จากบทสนทนาทั่ว ๆ ไปยามค่ำคืนระหว่างพ่อ-ลูก ได้กลายมาเป็นเรื่องเล่าที่คล้ายจะช่วยให้หลาย ๆ คนได้นึกย้อนถึงชีวิตของตนเอง การพยายามเป็นบุคคลในแบบที่สังคมยึดถือว่าดีนั้นอาจไม่จำเป็นเลย หากต้องทำไปอย่างไร้ความสุข และจะไม่ดีกว่าหรือถ้าชีวิตของเราสามารถทำในสิ่งที่ปรารถนาได้

น่าชื่นชม 'เช็ค สุทธิพงษ์' เปิดใจเล่าเหตุผลลูกจบเกียรตินิยม แต่เลือกทำงานร้านทำผม
ภาพจาก : Suthipong Thamawuit

หลังเผยแพร่โพสต์ดังกล่าว บรรดาแฟน ๆ ของคุณพ่อเช็ค ก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้กันอย่างล้นหลาม ซึ่งล้วนแต่เป็นคอมเมนต์ชื่นชมถึงทัศนคติที่ยอดเยี่ยมของทั้งคุณพ่อและคุณลูกทั้งสิ้น อาทิในข้อความที่กล่าวว่า

“สุดยอดความคิดของคนรุ่นใหม่..ต่อไปเธอจะเป็นเจ้าของร้านทำผมที่เก่งคนหนึ่ง เพราะเธอเริ่มต้นจากเด็กฝึกงาน..การเรียนรู้เกิดจากการฝึกฝน รับรองว่าสองมือที่สากนั้นเลี้ยงพ่อได้แน่นอน ชื่นชมอย่างจริงใจค่ะ”

“น้องคิดได้น่ารักมากมายค่ะ อ่านจบทุกบรรทัด เชื่อว่าที่น้องมีวิธีคิด มีทัศนคติดีแบบนี้ เพราะการเลี้ยงดูของครอบครัว ได้เห็นแบบอย่างที่ดีจึงได้ซึมซับไปอย่างไม่รู้ตัวค่ะ”

“ยินดีด้วยครับที่มีลูกที่มีทัศนคติดีมาก มีความมุ่งมั่นและมองเห็นภาพรวมของงานที่ตัวเองทำ หายากมาก ๆ สำหรับเด็กรุ่นใหม่ ๆ ผมว่าคุณพ่ออาจต้องเตรียมหาโลเคชั่นเปิดร้านให้น้องในอนาคตแน่ ๆ ครับ”

สุดท้ายแล้ว ในมุมหนึ่งของความหมายของชีวิตอาจเป็นดั่งที่ลูกสาวคนเล็กของพิธีกรเลื่องชื่อได้กล่าวไว้จริง ๆ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Danita S.

นักเขียนบทความไลฟ์สไตล์ บันเทิง ประจำ Thaiger ติดตามทุกกระแส K-Pop และเท่าทันทุกเรื่องราวความบันเทิง ด้วยประสบการณ์มากกว่า 3 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ช่องทางติดต่อ bell@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button