ไอกรนระบาดหนักในรอบ 5 ปี ยิ่งเด็กเล็กอาการยิ่งหนัก แนะฉีดวัคซีนป้องกัน
กรมอนามัยเผยสถานการณ์ โรคไอกรน ระบาดในเด็กสูงสุดในรอบ 5 ปี ยิ่งเด็กอายุน้อยยิ่งเสี่ยงตายสูง แนะนำผู้ปกครองพาบุตรหลานฉีดวัคซีนป้องกันด่วน
กรมอนามัยออกมาเปิดเผยสถานการณ์โรคไอกรนระบาดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะปัตตานี นราธิวาส ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ในเด็กและผู้ใหญ่ แต่ล่าสุดมีรายงานว่าในปี 2566 พบผู้ป่วยโรคไอกรนสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา โดยปีนี้พบมากถึง 183 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย เป็นเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบ
ทั้งนี้ ทางกรมอนามัย สังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ก็ได้ออกมาให้คำแนะนำกับเหล่าผู้ปกครองว่าควรพาเด็กเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรค เนื่องจากเด็กที่เสียนั้นเกิดจากการที่ผู้ปกครองไม่ได้พาไปฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันตามกำหนดระยะเวลา
สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไอกรนเป็น 1 ในวัคซีนพื้นฐานที่เด็กทุกคนจะต้องได้รับตามชุดสิทธิประโยชน์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นการฉีดโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ซึ่งข้อมูลและช่วงเวลาการรับวัคซีนจะระบุไว้ในสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก (สมุดสีชมพู)
การฉีดวัคซีนนั้นจะเป็นการป้องกัน 3 โรค หรือที่เรียกว่า DTwP-HB-Hib คือ โรคคอตีบ โรคบาดทะยักและโรคไอกรน ซึ่งจะฉีดทั้งหมด 5 เข็ม เริ่มเข็มแรกตอนอายุ 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน 1 ขวบครึ่ง และ 4 ขวบตามลำดับ
นอกจากนี้ ทางกรมอนามัยยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วยว่าผู้ใหญ่บางคนอาจติดเชื้อแล้วไม่แสดงอาการ แต่เป็นพาหะแพร่เชื้อ เมื่อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายเด็กเล็กที่ยังไม่มีภูมิจากการไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบโดส ก็จะทำให้เด็กมีอาการรุนแรง และยิ่งเด็กอายุน้อยมากเท่าไรอาการก็ยิ่งทวีคูณเพิ่มขึ้นไปอีก ส่วนผู้ใหญ่หากไม่มีภูมิหรือมีปโรคประจำตัวก็เสี่ยงที่จะเป็นและเสียชีวิตได้เช่นกัน