หลอกแม่ม่ายวัยเกษียณลงทุนหุ้น สูญเงินกว่า 3 ล้าน ลูกชายรู้เรื่องแทบทรุด
แทบทรุด! มิจฉาชีพหลอกแม่ม่ายวัยเกษียณลงทุนหุ้น อ้างได้กำไรดี โอนไป 3 ล้าน ร้อนลูกชายร้องเรียนกับสื่อ เผยแม่รู้จักคนชักชวนผ่านกลุ่มหาคู่
วันนี้ (29 พ.ย. 66) ได้มีการเปิดเผยว่า แม่ม่ายอดีตพนักงานรัฐวิสาหกิจวัย 65 ปี ได้ไปเล่นแอปพลิเคชั่นหาคู่ จนได้พบกับชายหน้าตาดีมีภูมิฐาน ซึ่งทางลูกชายของผู้เสียหายได้เล่าว่า…
คุณแม่เป็นแม่ม่ายมาแล้ว 13 ปี ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา แม่ได้ไปเล่นเฟซบุ๊กและเข้าไปในกลุ่มหาคู่ จากนั้นจึงได้รู้จักกับมิจฉาชีพที่ทักมาคุย โดยอีกฝ่ายใช้โปรไฟล์เฟซบุ๊กหน้าตาดีมีภูมิฐาน น่าเชื่อถือ และอายุน้อยกว่าคุณแม่ ก่อนจะพูดคุยกันนาน 1-2 สัปดาห์ ในลักษณะจีบหว่านล้อม พร้อมเรียก “ที่รัก”
ด้านผู้เสียหายเริ่มหลงเชื่อ จนโดนมิจฉาชีพชักชวนหลอกให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชั่น เริ่มต้นจาก 30,000 บาท โดยมิจฉาชีพอ้างว่าถ้าเอาเงินไปลงทุนในแอปฯ จะมีการเพิ่มพูนดอกเบี้ยให้ ซึ่งหลังจากลงทุนครั้งแรกพบว่าได้กำไรจริง 2,000 บาท ทำให้ยิ่งหลงเชื่อ
จากนั้นมิจฉาชีพจึงเริ่มเชิญชวนให้ลงทุนมากขึ้น ผู้เสียหายจึงโอนเพิ่มไป 500,000 บาท ซึ่งทางมิจฉาชีพคอยส่งรูปมาให้ดูว่ากำไรกำลังเพิ่มขึ้นจริง ๆ และแนะนำว่าอย่าเพิ่งถอน ก่อนจะขอให้ลงทุนเพิ่มเติมอีก ด้วยการลงให้เยอะที่สุด ทำให้ผู้เสียหายตายใจ ไปกู้เงินจากสลากออมสินมาอีก 1.9 ล้านบาท และหาเพิ่มด้วยตัวเองอีก 1 แสนบาท เพื่อลงทุนหวังกำไรที่มากขึ้น
หลังจากนั้นมิจฉาชีพก็ได้บอกว่า หากต้องการถอนเงินพร้อมดอกเบี้ย ให้ติดต่อไปที่แอปพลิเคชั่นได้เลย แต่เมื่อติดต่อไปก็ถูกขอให้จ่ายภาษี 15% เป็นเงินจำนวน 1.3 ล้านบาท มิจฉาชีพเลยแกล้งออกอุบายว่าจะจ่ายคนละครึ่ง โดยเสนอให้ผู้เสียหายจ่ายแค่ 5 แสน และจะช่วยจ่ายให้อีก 8 แสนบาท ซึ่งทางผู้เสียหายตอบตกลง และไปหาเงินเพื่อมาจ่ายภาษีตามคำแนะนำดังกล่าว
ทำให้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 เดือน ผู้เสียต้องสูญเงินไปทั้งสิ้น 3 ล้านบาท ก่อนที่ความจริงจะถูกเปิดเผย เมื่อลูกชายสังเกตว่าแม่มีพฤติกรรมผิดปกติ ติดโทรศัพท์มือถือและชอบคุยไลน์ในที่ลับเป็นอย่างมาก จึงได้แอบอ่านแชทจนพบว่าแม่ถูกมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินมากถึง 3 ล้านบาท
ทั้งนี้ลูกชายของผู้เสียหาย ได้ฝากให้เรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณแม่ของตน เป็นอุทาหรณ์ให้ครอบครัวอื่น ๆ เอาใจใส่คนในบ้าน เพราะมิจฉาชีพมีเข้ามาในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการหลอกลวงแม่ม่ายหรือผู้เกษียณอายุ ซึ่งล่าสุดทางลูกชายได้พาแม่เข้าพบตำรวจไซเบอร์ เพื่อขอความช่วยเหลือต่อไปแล้ว.