รู้หรือไม่ 5 ประเทศที่มีงานลอยกระทง ไม่ใช่แค่ไทย ประเพณีร่วมชาวเอเชีย
เทศกาลลอยกระทง ประเพณีสำคัญของชาวไทยช่วงปลายปี สืบทอดกันมายาวนานตั้งแต่สมัยสุโขทัย พร้อมกับตำนานนางนพมาศ จัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติ เพื่อเป็นการขอขมาพระแม่คงคา เทพธิดาแห่งสายน้ำ และเป็นการสะเดาะเคราะห์รับปีใหม่ไทย
แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ได้มีแค่ประเทศไทยประเทศเดียวที่มีงานลอยกระทง พระประทีปเพื่อขอขมาพระแม่คงคา ระลึกถึงบุญคุณธรรมชาติ แต่เป็นวัฒนธรรมร่วมในเอเชีย มาดูกันว่ามีประเทศไหนบ้างที่ทีมงาน Thaiger หาข้อมูลมาได้
1. เมียนมา
เรียกว่า เทศกาลตาซองไดง์ (Tazaungdaing Festival) เทศกาลแห่งแสงสว่าง เป็นเทศกาลสำคัญของชาวเมียนมา ตรงกับเดือนตะสองโมง (Tazaungmone) หรือเดือน 8 ตามปฏิทินดั้งเดิมของเมียนมา ประมาณเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมตามปฏิทินสุริยคติ เทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการสิ้นสุดฤดูฝนและฤดูกฐิน รวมถึงเพื่อสักการะพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสรรค์ชั้นดาวดึงส์
ความโดดเด่นของเทศกาลตาซองไดง์
ไฮไลท์ของเทศกาลตาซองไดง์คือการปล่อยโคมลอยยักษ์ขึ้นสู่ท้องฟ้า ซึ่งโคมลอยเหล่านี้จะตกแต่งด้วยรูปทรงและลวดลายต่างๆ ที่สวยงาม บ้างก็มีการประดับดอกไม้ไฟหรือประทัด เพื่อให้เกิดความสวยงามและเสียงดังกระหึ่ม ชาวเมียนมาเชื่อว่าการปล่อยโคมลอยเป็นการบูชาพระเกตุแก้วจุฬามณีและเป็นการลอยทุกข์ลอยโศกหรือสิ่งอัปมงคลให้ออกไปจากชีวิต
นอกจากการปล่อยโคมลอยแล้ว เทศกาลตาซองไดง์ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น การทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระพุทธรูป การแข่งขันทอเสื้อคลุม (Matho Thingan) และการแสดงพื้นบ้านต่างๆ
เทศกาลตาซองไดง์เป็นเทศกาลที่ได้รับความนิยมจากชาวเมียนมาเป็นอย่างมาก ในแต่ละปีจะมีผู้คนนับหมื่นคนจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลมาร่วมงาน เทศกาลนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับวัฒนธรรมและประเพณีอันงดงามของชาวเมียนมา
2. ศรีลังกา
มีงานคล้าย ๆ ของไทย เรียกว่า Fool moon poya หรือเทศกาลโพยา ประเพณีลอยกระทงของชาวศรีลังกา จัดขึ้นในวันเพ็ญเดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติ ประเพณีนี้ถือกำเนิดขึ้นจากความเชื่อทางพุทธศาสนา โดยชาวศรีลังกาจะลอยกระทงเพื่อบูชาพระแม่คงคา เทพีแห่งแม่น้ำและมหาสมุทร เพื่อขอขมาพระแม่คงคาที่อาจเคยล่วงเกินด้วยกาย วาจา ใจ และเพื่อขอพรให้ชีวิตมีแต่ความสุขความเจริญ
นอกจากการลอยกระทงแล้ว ชาวศรีลังกายังนิยมทำบุญตักบาตร ฟังธรรมเทศนา ถวายดอกไม้ธูปเทียน และเวียนเทียนรอบพระเจดีย์ตามวัดวาอารามต่างๆ เพื่อเป็นการแสดงความศรัทธาในพระพุทธศาสนา
ความโดดเด่นของ Fool moon poya อยู่ที่ความยิ่งใหญ่ตระการตาของขบวนแห่กระทง ซึ่งจะจัดขึ้นตามเมืองใหญ่ๆ ของศรีลังกา โดยกระทงแต่ละกระทงจะประดับประดาอย่างสวยงามด้วยดอกไม้ ธูปเทียน และขนมหวานต่างๆ สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและฝีมือการประดิษฐ์ของชาวศรีลังกาได้เป็นอย่างดี
นักท่องเที่ยวที่มีโอกาสไปเยือนศรีลังกาในช่วงเทศกาลนี้จะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันคึกคักและความงดงามของประเพณีอันเก่าแก่ของชาวศรีลังกาอย่างใกล้ชิด ในหลายปีที่ผ่านมา งานโพยาได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างมาก ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาเข้าร่วมเทศกาลนี้เป็นจำนวนมาก เพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมและประเพณีอันงดงาม
3. ลาว
เทศกาลไหลเฮือไฟ เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานของชาวลาว จัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ตรงกับวันออกพรรษา ช่วงเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายนตามปฏิทินสากล
ประเพณีไหลเฮือไฟ มีความหมายลึกซึ้ง เชื่อกันว่าเป็นการบูชาพระธาตุจุฬามณี ซึ่งเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ตั้งอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ชาวลาวจึงนิยมลอยเรือไฟขึ้นไปบนสวรรค์เพื่อบูชาพระธาตุจุฬามณี
นอกจากนี้ยังเป็นการขอขมาต่อพระแม่คงคา ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งน้ำ ที่ได้ประทานน้ำให้ชาวลาวได้ใช้ดื่มกินตลอดปี และยังเป็นการระลึกถึงพระคุณของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และผู้มีพระคุณทั้งหลาย
เรือไฟที่ใช้ในเทศกาลไหลเฮือไฟ นิยมทำจากไม้ไผ่และกระดาษ โดยตกแต่งด้วยดอกไม้ ธูปเทียน และโคมไฟหลากสีสัน เรือไฟบางลำมีขนาดใหญ่มาก อาจมีความยาวถึง 10 เมตร กว้าง 5 เมตร สูง 3 เมตร
งานเทศกาลไหลเฮือไฟ จะเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า มีการประกวดเรือไฟที่สวยงามและแปลกตาจากหลายหมู่บ้านในจังหวัดต่างๆ ของลาว จากนั้นในช่วงค่ำ จะมีการลอยเรือไฟลงแม่น้ำโขง ท่ามกลางบรรยากาศที่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากเรือไฟนับพันนับหมื่นลำ
4. อินเดีย
เทศกาลดิวาลี (Diwali) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดีปาวลี (Deepavali) เป็นเทศกาลสำคัญที่สุดของชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดู จัดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายนของทุกปี ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนกฤษณะ (Kartika) ตามปฏิทินจันทรคติ
ดิวาลีมีความหมายว่า “เทศกาลแห่งแสงสว่าง” ชาวอินเดียจึงนิยมประดับประดาบ้านเรือน ร้านค้า และสถานที่ต่างๆ ด้วยโคมไฟและเทียนไขหลากสีสัน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะของความดีเหนือความชั่ว ความสว่างเหนือความมืดมิด และความหวังเหนือความสิ้นหวัง
เทศกาลดิวาลีจัดขึ้นในช่วงวันสิ้นสุดฤดูฝน และเริ่มต้นฤดูหนาว ชาวอินเดียจึงถือโอกาสนี้ทำความสะอาดบ้านเรือน ตกแต่งบ้านเรือนใหม่ สวมเสื้อผ้าใหม่ และเตรียมอาหารและขนมหวานเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาล
กิจกรรมหลักของเทศกาลดิวาลี ได้แก่
- การบูชาพระลักษมี พระลักษมีเป็นเทวีแห่งโชคลาภและความเจริญรุ่งเรือง ชาวอินเดียจึงนิยมทำพิธีบูชาพระลักษมีในช่วงเทศกาลดิวาลี เพื่อขอพรให้ได้รับความโชคดีและเจริญรุ่งเรืองตลอดปี
- การจุดโคมไฟและดอกไม้ไฟ การจุดโคมไฟและดอกไม้ไฟถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเทศกาลดิวาลี ชาวอินเดียเชื่อว่าแสงสว่างจะช่วยขับไล่ความมืดมิดและนำความสว่างมาสู่ชีวิต
ดิวาลีเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองชัยชนะของความดีเหนือความชั่ว ความสว่างเหนือความมืดมิด และความหวังเหนือความสิ้นหวัง เทศกาลนี้จึงเป็นเทศกาลแห่งความสุขและรอยยิ้มสำหรับชาวอินเดียทุกคน
5. กัมพูชา
กัมพูชาก็มีงานลอยกระทงเช่นเดียวกับประเทศไทย จัดขึ้นทุกปีในวันขึ้น 14 ค่ำ นับเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และความสามัคคีของชุมชน ชาวกัมพูชาอ้างว่า ประเพณีของตนมีต้นกำเนิดมาแต่โบราณย้อนกลับไปถึงสมัยสมัยพระนคร ราวพุทธศตวรรษที่ 18
ประเพณีลอยกระทงในประเทศกัมพูชา มีชื่อเรียกว่า “บ็อณแฎตปรอตีป” (Bong Dzat Proti) แปลว่า “ลอยประทีป” ชาวกัมพูชาจะร่วมกันทำกระทงจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ใบตอง ไม้ไผ่ ดอกไม้ ธูปเทียน เหรียญกษาปณ์ และของประดับตกแต่งต่างๆ จากนั้นจะนำไปลอยในแม่น้ำหรือทะเลสาบ เพื่อเป็นการบูชาพระแม่คงคาในแม่น้ำโขง และทะเลสาบโตนเลสาบ
นอกจากนี้ ชาวกัมพูชายังเชื่อว่าการลอยกระทงเป็นการลอยเคราะห์ลอยโศก เป็นการสะเดาะเคราะห์และขอพรให้สิ่งไม่ดีต่างๆ ล่องลอยไปกับกระทง
เทศกาลลอยกระทงในประเทศกัมพูชามีความโดดเด่นตรงที่จะมีการประดับประดากระทงด้วยดอกไม้และโคมไฟหลากสีสันสวยงาม กระทงบางกระทงอาจมีความสูงถึง 10 เมตร เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
สถานที่จัดงานลอยกระทงที่สำคัญในประเทศกัมพูชา ได้แก่ กรุงพนมเปญ เมืองเสียมเรียบ และเมืองพระสีหนุ ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาร่วมงานลอยกระทงเป็นจำนวนมาก