ข่าว

แจ้งความ เจ้าอาวาสวัดดัง เชิดเงินกฐิน 7 แสนบาท ยืมชาวบ้านอีก 4 ล้านบาท

ญาติโยมเข้า เจ้าอาวาสวัดดัง เชิดเงินกฐิน 7 แสนบาท ยืมชาวบ้านอีก 4 ล้านบาท ล่าสุดเจ้าอาวาสเข้าพบตำรวจแล้ว นัดชี้แจง 25 พ.ย.

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 66 นายฉลอง วงษ์จันทร์ อายุ 70 ปี เจ้าหน้าที่การเงินวัดบางปลาหมอ ต.ดอนกำยาน อ.เมืองสุพรรณบุรี เข้ามาแจ้งความกับ พ.ต.ต.นิคม ขุนสอาดศรี สว. (สอบสวน) สภ.เมืองสุพรรณบุรีว่า วัดบางปลาหมอได้มีการทอดกฐิน รวมยอดเงิน จำนวน 717,186.75 บาท ต่อมา พระปลัดธนิตย์ จนทิโก เจ้าอาวาสวัดได้นำเงินไปฝากธนาคาร ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสุพรรณบุรี แต่กลับหายตัวไปพร้อมเงินกฐินกว่า 7 แสนบาท และยังไม่สามารถติดต่อได้

Advertisements

ซึ่งในช่วงเย็นวันที่ 17 พ.ย. 66 นายฉลอง ได้ตรวจสอบยอดเงินในบัญชีธนาคารของวัด โดยนำสมุดบัญชีของทางวัดไปปรับดูยอดเงิน ปรากฎว่าไม่มีเงินกฐิน เข้าบัญชีวัดแต่อย่างใด โดยปกติต้องนำเงินดังกล่าวเข้าบัญชีของวัด และหลังจากเกิดเหตุ ไม่สามารถติดต่อเจ้าอาวาสวัดได้ ทางคณะกรรมการวัดจึงได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามตัวเจ้าอาวาสมาสอบปากคำเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

นายฉลอง เล่าว่า สมุดบัญชีวัดมี 2 เล่ม เล่นที่หนึ่งมีชื่อคนรับผิดชอบ 3 คน เวลาจะเบิกต้องใช้ 2 ใน 3 ซึ่งมีนายฉลอง เป็น 1 ในผู้รับผิดชอบ และเจ้าอาวาสวัด พร้อมกับมีอีก 1 คน ในบัญชีเหลือเงินเพียง 849.15 บาท

แต่อีกหนึ่งบัญชี เป็นชื่อวัด บัญชีนี้เจ้าอาวาสสามารถเบิกคนเดียวได้ ซึ่งบัญชีนี้ เมื่อวันที่ 13 พ.ย. หลังวันทอดกฐิน มีการเบิกเงินไป 290,000 บาท และวันที่ 14 พ.ย. มีการเบิกออกไปอีก 5,000 บาท จนเหลือเงินในบัญชี 262.65 บาท

เงินกฐินของวัด ได้มา 700,000 กว่าบาท ไม่มีเข้าบัญชีวัดเลย และทางเจ้าอาวาสก็ไม่ทราบว่าหายตัวไปไหน ติดต่อไม่ได้ ซึ่งกฐินมีตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย. และเจ้าอาวาสหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย.

ซึ่งหลังจากนับเงินกฐินเสร็จ ทางเจ้าอาวาสได้นำเงินไปเข้าบัญชี แต่พอตรวจแล้วไม่มีเงินเข้าบัญชีของวัด ทีแรกก็ไม่รู้ว่าเงินเข้าบัญชีหรือยัง เพราะสมุดอยู่ที่อาจารย์ แต่ไปเอาสมุดมาแล้วไปปรับบัญชีเมื่อวาน (20 พ.ย) ก็ปรากฏว่าไม่มีเงินในบัญชี

Advertisements

นอกจากเงินส่วนนี้แล้ว ก็ยังมีการยืมเงินส่วนตัวของชาวบ้านด้วย ตนเองถูกยืมเงินไป 60,000 บาท โดยบอกว่า ยืมไปช่วยญาติที่เดือดร้อน และชาวบ้านในละแวกที่ถูกยืมเงินไปมีอีก 38 ราย ยอดรวมกันประมาณ 4 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ทางชาวบ้านยังไม่มาแจ้งความ โดยเมื่อวานช่วงเย็นทางฝ่ายปกครอง และเจ้าคณะอำเภอได้เข้าไปประชุมร่วมกัน ว่าจะดำเนินการอย่างไร

ทั้งนี้ อยากขอให้เจ้าอาวาสเอาเงินกฐินมาคืนวัด แต่ในส่วนเรื่องเงินส่วนตัวที่ยืมไป อันนี้เป็นเรื่องของท่านเอง ซึ่งอุปนิสัยของเจ้าอาวาสปกติเป็นคนนิสัยดี ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

ขณะที่ ลูกศิษย์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ท่านเจ้าอาวาสบ่นว่าเครียด แต่ไม่ยอมบอกว่าเครียดเรื่องอะไร และท่านเจ้าอาวาสยังบอกว่าอยากไปหาสถานที่สงบ ๆ เงียบๆ นั่งวิปัสสนากรรมฐาน ซัก 4-5 วัน

กระทั่งต่อมาท่านเจ้าอาวาสได้มาหายตัวไปพร้อมเงินกฐิน โดยไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดเหตุร้ายอะไรกับท่านหรือไม่ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยสืบสวนติดตามตัวท่านมา หรือหากท่านได้ดูข่าวขอให้ท่านกลับมา เรื่องทุกอย่างจะได้กระจ่าง

ด้านทาง พ.ต.อ.ธัชชัย ทิพเนตร ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี กล่าวว่า หลังจากที่คณะกรรมการวัด ผู้ดูแลเงินของวัด เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับทางตำรวจ เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 66 ก็ได้ให้ทางพนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด รวมถึงพฤติกรรมลงไปในรายละเอียด

ส่วนเรื่องเส้นทางการเงิน ของบัญชีวัด อยู่ในขั้นตอนระหว่างสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง รวบรวมพยานหลักฐาน และหลังจากนั้นก็จะนำมาดูว่า จะเข้าข้อกฎหมายในเรื่องใด และอีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นในเรื่องของการติดตามเจ้าอาวาส เพื่อมาให้การ

ซึ่งส่วนนี้เราได้ดำเนินการไปพร้อมกัน ในส่วนของทางเจ้าอาวาสที่หายตัวไป ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งเราก็อยากจะทราบสาเหตุข้อเท็จจริง ว่าท่านหายไปและไม่ติดต่อกลับมาเพราะอะไร อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียนให้กับหลายวัด ในส่วนของกระบวนการควบคุมในการติดตามตรวจสอบเรื่องการเงินของวัด ให้มีความรัดกุมมากขึ้น

ทั้งนี้ในเวลาต่อมานายจิตรติ รามเนตร ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองสุพรรณบุรี ได้รับการติดต่อจากเจ้าอาวาสวัดบางปลาหมอที่หอบเงินกฐินหายตัวไปเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี เบื้องต้น พระปลัดธนิตย์ จนทิโก ขอเวลา 2-3 วัน เพื่อจัดเตรียมเอกสารทั้งหมดและนัดจะมาชี้แจงกับชาวบ้านและกรรมการวัดบางปลาหมออีกครั้งในวันที่ 25 พ.ย. เวลา 09.00 น. ที่วัดบางปลาหมอ หลังสอบปากคำตำรวจปล่อยตัวไป

นายจิตรติ รามเนตร ปลัดอาวุโส อำเภอเมืองสุพรรณบุรี กล่าวต่อว่า เจ้าอาวาสติดต่อเข้าพบตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ฝ่ายปกครองพร้อมอำนวยความสะดวกและให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่เจ้าอาวาสขอเวลาอีก 2-3 วันเพื่อเตรียมข้อมูลมาชี้แจงข้อกล่าวหาให้ชาวบ้านทราบ เรื่องนี้ฝ่ายปกครองจะร่วมกับตำรวจดูแลและประสานผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เพื่อให้เกิดความเข้าใจกันทุกฝ่าย ส่วนเรื่องที่ยืมเงินชาวบ้าน เจ้าอาวาสยอมรับว่าเป็นหนี้ชาวบ้านจริง และพร้อมเจรจากับชาวบ้านเช่นกัน

 

 

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button