เปิดประวัติ แซม อัลต์แมน ผู้ฉายแววอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์ตั้งแต่วัยเยาว์ สู่การเป็น CEO Open AI
เรียกได้ว่าเป็นข่าวสุดช็อคของวงการเทคโนโลยีโลกเลยทีเดียว เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 แซม อัลต์แมน หัวเรือใหญ่และผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI ถูกบอร์ดบริหารไล่ออกจากตำแหน่งแบบสายฟ้าแลบ ด้วยเหตุผลที่บอร์ดฯ บอกว่าแซมสื่อสารไม่สื่อสารกับบอร์ดอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ไม่เชื่อมั่นในวุฒิภาวะความเป็นผู้นำของแซมอีกต่อไป ท่ามกลางคำถามมากมายของชาวโลกและบุคคลในแวดวงเทคโนโลยีว่าหลังจากนี้ ChatGPT แชตบอต AI ยอดนิยมจะเดินไปในทิศทางไหน
ล่าสุด สัตยา นาเดลลา CEO แห่ง Microsoft โพสต์ผ่าน X (Twitter) เตรียมดึงแซม อัลต์แมน และ เกร็ก บร็อกแมน อดีตประธานและผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI พร้อมทั้งทีมงาน เข้าร่วมทีมวิจัยเอไอของทางไมโครซอฟต์ วันนี้ Thaiger จึงขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับชายผู้ปราดเปรื่องเรื่อง AI และ วิทยาการคอมพิวเตอร์ พร้อมเส้นทางในการก้าวสู่ความเป็นใหญ่ในโลกของเทคโนโลยี
ประวัติ แซม อัลต์แมน LGBTQ+ ผู้ปฏิวัติโลก AI ด้วย ChatGPT
ซามูเอล แฮร์ริส อัลต์แมน (Samuel Harris Altman) เกิดวันที่ 22 เมษายน 1985 เขาเป็นชาวยิวที่เติบโตขึ้นในเมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา แซมวัย 8 ขวบเขาก็เริ่มฉายแววทางด้านคอมพิวเตอร์ ด้วยการเริ่มแยกส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ และเริ่มหัดเขียนโปรแกรมในเครื่องแมคอินทอช (Macintosh) โดยมีไอดอลในวัยเด็กคือ สตีฟ จ็อบส์ อดีต CEO ของ Apple ผู้ล่วงลับ
แซมได้เข้าเรียนในโรงเรียน John Burroughs ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนในเมือง Ladue รัฐมิสซูรี โดยในปี 2003 เขาได้เปิดตัวกับครอบครัวว่าเขาเป็นเกย์ในวัย 16 ปี และได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเป็นเวลา 2 ปี แต่หลังจากนั้นจึงได้ตัดสินใจลาออกมาในปี 2005 ร่วมกับเพื่อนของเขาอีก 2 คนเพื่อสร้างบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากกว่านั้น
จากเด็กเรียนไม่จบ สู่ผู้ร่วมก่อตั้ง Loopt
หลังจากที่เขาลาออกจากมหาวิทยาลัย ปี 2005 แซมในวัย 19 ปี ได้ร่วมก่อตั้ง Loopt แอปพลิเคชั่นที่แชร์ตำแหน่งผู้ใช้กับเพื่อน ๆ และผลงานของพวกเขาก็ไปเตะตา Y Combinator บริษัทบ่มเพาะและผลักดันสตาร์ทอัพชื่อดัง จึงถูกคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 8 บริษัทที่ได้รับเงินสนับสนุนเงินทุน 6,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 215,000 บาท) ซึ่งใน 8 บริษัทนี้มี Reddit คอมมูนิตี้เว็บบอร์ดชื่อดังในปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้เองทั้งสามคนได้พัฒนาให้ Loopt กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงถึง 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 6.1 พันล้านบาท) แต่แอปฯดังกล่าวไม่สามารถดึงดูดผู้ใช้ได้มากพอ ทำให้เขาต้องขายกิจการให้ Green Dot ไปด้วยมูลค่า 43.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.5 พันล้านบาท) ในปี 2012 และในระหว่างนั้นแซมได้คบหากับหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Loopt อย่าง นิก ซิโว เป็นเวลา 9 ปี ก่อนเลิกรากันไปหลังจากบริษัทถูกซื้อไปได้ไม่นาน
เมื่อขายบริษัทเดิมไป แซมได้ก่อตั้งมูลนิธิ Hydrazine Capital ร่วมกับน้องชาย แจ็ค อัลต์แมน และได้ระดมทุนได้ถึง 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 754 ล้านบาท) ซึ่งเงินในนี้จำนวน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็มาจาก Loopt บริษัทที่เขาเคยร่วมก่อตั้งนั่นเอง ต่อมาปี 2014 ในวัย 28 ปี แซมที่เป็นหุ้นส่วนของ Y Combinator ถูกรับเลือกจาก พอล เกรแฮม ผู้ก่อตั้งบริษัทให้เข้าดำรงตำแหน่ง CEO ต่อจากเขา รวมถึงได้รักษาการหัวเรือใหญ่ของ Reddit ในช่วงเวลาสั้น ๆ
จุดนี้เองทำให้เขาได้รู้จักกับบุคคลชั้นนำในด้านเทคโนโลยีของสหรัฐมากมาย รวมถึง Elon Musk หัวเรือใหญ่แห่ง Tesla และเจ้าของคนปัจจุบันของ X (Twitter) และเขาก็ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้นำ Y Combinator ในช่วงปี 2019 เพื่อไปโฟกัสกับบริษัท OpenAI ที่เขาร่วมก่อตั้งอย่างเต็มตัว
ก้าวสำคัญของโลก AI ในการก่อตั้ง OpenAI และ ChatGPT
แท้ที่จริงแล้ว OpenAI เริ่มก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งมีแซม อัลต์แมน และ อีลอน มัสก์ เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง โดยจุดประสงค์ในการก่อตั้ง คือ เป็นบริษัทที่พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยไม่แสวงหาผลกำไร เพื่อให้แน่ใจว่า AI ที่กำลังพัฒนาจะเป็นมิตร มีประโยชน์ต่อมนุษย์ และไม่สร้างความเดือดร้อนให้มนุษยชาติภายหลัง
เมื่อก่อตั้งสำเร็จ OpenAI ก็สามารถระดมทุนได้ถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท) จากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีมากมาย อาทิ Microsoft, Amazon รวมถึง เกร็ก บร็อคแมน ผู้ร่วมก่อตั้ง LinkedIn เครือข่ายอาชีพบนอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ต่อมาในปี 2018 อีลอน มัสก์ ได้ตัดสินใจแยกทางกับ OpenAI ด้วยเหตุผลว่า OpenAI ยังตามหลัง Google อยู่หลายก้าว
ต่อมาเมื่อปลายปี 2022 OpenAI ก็ได้ปล่อย ChatGPT แชตบอทที่แสนชาญฉลาดจากมันสมองของ AI ที่สามารถค้นหาและเรียบเรียงข้อมูลออกมาได้ใกล้เคียงมนุษย์ ทำให้แชตบอทดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสามารถช่วยทำการบ้าน แต่งเพลง แม้กระทั่งเขียนประวัติส่วนตัวเพื่อใช้สมัครงานก็ย่อมได้
จากความสำเร็จถึงขีดสุดของ ChatGPT ทำให้ต้องมีการออกกฎจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ว่าห้ามใช้แชตบอตดังกล่าวในการทำการบ้าน หรือวิทยานิพนธ์ อีกทั้งยังทำให้แซมโด่งดังถึงขีดสุดถึงขนาดที่ว่าหากนึกถึง ChatGPT ก็คงต้องนึกถึงหน้าแซมมาแบบคู่กันเลยทีเดียว ความสำเร็จของเขาทำให้แซมเป็น LGBTQ+ คนสำคัญอีกหนึ่งคนของโลกเทคโนโลยี ต่อจาก อลัน เทอริ่ง ผู้คิดค้นเครื่องจักร Turing ในการถอดรหัสลับเยอรมันจนทำให้ฝ่ายพันธมิตรเอาชนะสงครามโลกได้ และ ทิม คุก หัวเรือใหญ่ Apple ผู้ต่อยอดความสำเร็จของ สตีฟ จ็อบส์ ในการพัฒนา Ecosystem ของ Apple อย่างไม่หยุดยั้ง
อ้างอิงจาก Wikipedia, Business Insider
