ข่าวเกมส์

ประวัติ Faker ชายที่แฟนเกมคนทั่วโลกขนามนามเป็น พระเจ้าของ LoL ตลอดกาล

ชวนทำความรู้จัก ประวัติ Faker  หากผู้ถึงในวงการอีสปอร์ตแล้ว เหล่าโปรเพลเยอร์หรือผู้เล่นเกม League of Legends หรือในชื่อ LoL ไม่มีทางที่จะไม่รู้จักชื่อของ Lee “Faker” Sang-hyeok ของทีม T1 อย่างแน่นอน เพราะผู้ชายคนนี้ได้กลายเป็นไอคอนนิคและแบบอย่างที่ดีจนเหล่าผู้เล่นทั่วโลกยกให้เป็น พระเจ้าของ LoL อย่างไม่มีข้อกังขา

วันนี้พวกเรา Thaiger จะพาผู้อ่านไปรู้เรื่องราวเส้นทางการเดินทางตลอด 10 ปีที่ผ่านมา หลังเจ้าตัวสามารถคว้าแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 4 ให้กับตัวเอง และขึ้นแท่นเป็นโปรเพลเยอร์ LoL คนเดียวที่สามารถทำได้ พร้อมคำว่ากาลเวลาก็ไม่อาจหยุดความสำเร็จของชายคนนี้ได้จริงๆ

ประวัติ Lee “Faker” Sang-hyeok

เฟเกอร์ เกิดวันที่ 7 พฤษภาคม 1996 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ปัจจุบันอายุ 27 ปี เป็นคนที่ชอบเล่นวิดีโอเกมมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะเกมแนว MOBA (Multiplayer Online Battle Arena) และได้เข้าสู่เกม League of Legends เมื่อปี 2011 และทำให้เขาเริ่มเข้าสู่มืออาชีพอย่างเต็มตัว

เฟเกอร์ เล่นตำแหน่ง มิดเลน (Mid Lane) หรือตำแหน่งเลนกลาง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีอิธิพลต่อเกมมากในสมัยนั้น และเขายังเป็นผู้นำเทรนด์ในการใช้ตัวละครแอสซาสซินอีกด้วย

ในช่วงเวลานั้นเขาได้สร้างความตกตะลึงให้กลุ่มเกม League of Legends ที่ประเทศเกาหลีใต้อย่างมาก ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดัน และ เฉียบคม ก่อนที่จะมาเปิดเผยว่าฝีมือของผู้เล่นที่เก่งกาจแบบนี้จะเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุ 15 ปีเท่านั้น

หากให้เปรียบเทียบให้เห็นภาพอย่างชัดเจน คงไม่ต่างจากการที่บาร์เซโลน่า ได้พบเพชรเม็ดงามอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ในวัย 16 ปี ก่อนที่จะมาเป็นสตาร์ระดับโลกอย่างปัจจุบันนี้

โดยซีซัน 3 เฟเกอร์ ได้เก็บแรงค์ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน ประกอบไปด้วย Bengi และ Ssumday และขึ้นสู่อันดับ 1 ของประเทศในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนที่จะถูกแมวมองทีมอาชีพเข้ามาทาบทาม และทำให้เจ้าตัวตัดสินใจยุติชีวิตการเรียนและเข้ามาสู่โลกของมืออาชีพอย่างเต็มตัวกับทีมดังอย่าง T1

Credit Twitter @lolesports

จังหวะแจ้งเกิดเต็มตัว

หากผู้ถึงจังหวะแจ้งเกิดของ เฟเกอร์ คงหนีไม่พ้นการแข่งขัน LCK Summer 2023 ระหว่าง Faker SKT T1 พบกับ Ryu KT Bullets

โดยในเกมดังกล่าวทั้งสองคนได้เลือกตัวละคร Zed และเป็นฝ่าย เฟเกอร์ ที่โดนป้อมตีจนเหลือเลือดเพียงครึ่งเดียวที่กำลังถูกไล่ต้อน สวนกลับมาเอาชนะได้อย่างเหลือเชื่อ จนคนดูทั่วฮอล์หรือคนดูทั่วประเทศต่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง และประโยคคำว่า “Faker What Was That” ยังคงเป็นฉากในตำนานที่แฟนเกม League of Legends ไม่มีวันลืมได้อย่างแน่นอน

ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด

จนในที่สุดเมื่อปี 2013 T1 หรือชื่อเดิม SK Telecom T1 สามารถคว้าแชมป์โลกเป็นครั้งแรก ด้วยวัยเพียง 17 ปี ถึงขนาด แฟรงค์ ฟิลด์ส ผู้จัดการด้านการจัดแข่งขันอีสปอร์ต ยังออกมายอมรับกันอย่างตรงไปตรงมาว่า เฟเกอร์ สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ทุกคนไม่ว่าเขาจะเลือกเเชมเปียนตัวไหนและเมื่อไหร่ก็ตาม

เฟเกอร์ ยังสร้างปรากฎการณ์ให้กับวงการ League of Legends อย่างต่อเนื่อง ด้วยการคว้าแชมป์โลก 2 สมัยติดต่อกัน (2015 และ 2016) และสามารถสถิติคว้าแชมป์โลก 3 สมัยเป็นครั้งแรกร่วมกับ Bengi เพื่อนร่วมทีมของเขา

พร้อมทั้งยังทำให้ เฟเกอร์ กลายเป็นไอคอนของทีมไปโดยปริยาย และทำให้เหล่าสปอน์เซอร์ระดับโลกต่างเข้าหาเขาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Samsung (โทรศัพท์มือถือ), Nike (อุปกรณ์เสื้อผ้ากีฬา), Mercedes-Benz (รถยนต์ ), Hana Bank (ธนาคาร) รวมไปถึงอุปกรณ์เกมมิ่งต่าง Steel Series, Secret Lab

Credit Twitter @lolesports

พระเจ้าก็แพ้และเสียน้ำตาเป็น

จุดพลิกผันสำคัญ คงหนีไม่พ้นการแข่งขันชิงแชมป์โลก 2017 ที่ SK Telecom T1 ได้เข้ามาชิงเป็นสมัยที่ 3 และมีโอกาสคว้าแชมป์ 3 ปีซ้อน ต้องมาพ่ายให้กับ Samsung Galaxy 3-0 เกม ซึ่งในเกมสุดท้าย เฟเกอร์ เป็นคนที่เล่นพลาดและทพให้ทีมแพ้ไปในที่สุด

ฉากหลั่งน้ำตาของ เฟเกอร์ กลายเป็นฉากไอคอนนิคไปโดยอัตโนมัติในทันที และคงเป็นฉากที่แฟนๆของ T1 และ Faker ต้องการลืมมากที่สุดก็เป็นได้

พร้อมทั้งในช่วงเวลานั้นฟอร์มของเฟเกอร์ตกลงอย่างน่าใจหาย พวกเขาไม่สามารถคว้าแชมป์อะไรได้เลย และทำให้เหล่าแฟนๆต่างตั้งข้อสงสัยว่า อาจจะถึงเวลาสละบัลลังก์แล้วหรือไม่

พระเจ้ากลับมาอย่างยิ่งใหญ่

หลังจากการพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศต่อ DRX ในการชิงแชมป์โลกเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมาอย่างน่าเสียดาย ทำให้ในการแข่งขัน ปี 2023 พวกเขาตั้งเป้าจะคว้าแชมป์โลกให้ได้อีกครั้ง

โดยในการแข่งขัน LCK Winter 2023 พวกเขาทำได้แค่เป็นรองแชมป์ลีกเกาหลีอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเป้าหมายสูงสุดของทีมคือการได้ตั๋วเข้าแข่งขันชิงแชมป์โลก ปี 2023 ซึ่งการแข่งครั้งนี้อาจจะเป็นการแข่งขั้นสุดท้ายของเฟเกอร์แล้วก็เป็นได้

T1 ทำผลงานได้อย่างน่าเป็นห่วงในช่วงแรก ก่อนที่พวกเขาจะกลับมาร่างทองโค่นทุกทีมแบบเหนือชั้น และโค่นตัวเต็งแชมป์ อย่าง JDG ที่ 1 ของประเทศจีน แบบไม่ยากเย็นนัก ทำให้พวกเขาเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศอีกครั้ง

สุดท้ายเฟเกอร์ก็ทำได้สำเร็จ T1 สามารถเอาชนะ Weibo Gaming ไปแบบขาดลอย 3-0 เกม ทำให้ เฟเกอร์ คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 ให้กับตัวเองได้สำเร็จ และกลายเป็นโปรเพลเยอร์ LoL คนแรกที่สามารถทำได้

คำพูดของเฟเกอร์ที่กล่าวก่อนแข่งนัดชิงชนะเลิศที่ว่า “การคว้าแชมป์โลก 3 ครั้งก่อนหน้านี้ผมทำด้วยเพื่อตัวผมเอง แต่ครั้งนี้ผมจะทำเพื่อน้องๆในทีมของผม”

นี่คงเป็นคำพูดนี้บ่งบอกการเติบโตของเขาได้เป็นอย่างดี เฟเกอร์กลับมาทำผลงานระดับ GOAT หรือยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลอีกครั้ง ทั้งการพาทีมชาติเกาหลีใต้คว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ และการพาทีมคว้าแชมป์โลกเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี

สุดท้ายนี้การเป็นสุดยอดในด้านต่างๆ ถือเป็นเรื่องที่ยากแล้วแต่การรักษาความสุดยอดให้อยู่กับเราและเป็นที่ยอมรับจากผู้อื่นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน วันนี้เขาอาจจะไม่ใช่แค่พระเจ้าของเกม LoL เพียงอย่างเดียว แต่เขาเหมาะสมกับคำว่าตำนานที่ยังมีลมหายใจ เช่นเดียวกัน

Credit Facebook T1 League of Legends / T1 리그오브레전드

รางวัลส่วนบุคคล

  • Champions 2013 Summer
  • Korea Regional Finals Season 3 (2013)
  • World Season 3 (2013)
  • Champions 2014 Winter
  • All-Star 2014 Paris
  • NLB 2014 Summer
  • Champions 2015 Spring Preseason
  • Champions 2015 Spring
  • Champions 2015 Summer
  • Worlds 2015
  • MSI 2016
  • Worlds 2016
  • LCK 2017 Spring
  • LCK 2019 Spring
  • LCK 2020 Spring
  • LCK 2021 Regional Finals
  • LCK 2022 Spring
  • LCK 2023 Spring
  • Asian Games 2022
  • Worlds 2023

อ้างอิงข้อมูลจาก : 1, 2, 3

Thaiger deals

sorrawit

นักเขียนข่าวกีฬาประจำ Thaiger มีความสนใจในด้านกีฬาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอล บาสเกตบอล หรืออเมริกันฟุตบอล รวมไปถึงชื่นชอบเกมและอนิเมะเป็นชีวิตจิตใจ ปัจจุบันสั่งสมประสบการณ์เขียนบทความกีฬาออนไลน์ มากกว่า 4 ปี หัวข้อที่เชี่ยวชาญคือเรื่องกีฬาฟุตบอล วอลเลย์บอล ช่องทางติดต่อ gig@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button