แจ้งเตือน 11 พื้นที่ โรคพิษสุนัขบ้า กรุงเทพ-สมุทรปราการ เฝ้าระวัง โดนกัดรีบฉีดวัคซีนทันที

แจ้งเตือน 11 พื้นที่ กรุงเทพ-สมุทรปราการ เฝ้าระวัง โรคพิษสุนัขบ้า โดนกัดรีบฉีดวัคซีนทันที
กลุ่มควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า สำนักงานสัตวแพทย์สาธารณสุข กรุงเทพมหานคร ประกาศเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2568 เนื่องจากพบสัตว์ป่วยด้วยโรคพิษสุนัขบ้า บริเวณซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 49 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม.
ขอให้ประชาชนที่อยู่บริเวณดังกล่าวและชุมชนโดยรอบในรัศมี 5 กิโลเมตร หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์จรจัดในพื้นที่โดยเด็ดขาด
- แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม
- แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม.
- แขวงประเวศ เขตประเวศ กทม.
- แขวงอ่อนนุช เขตสวนหลวง กทม.
- แขวงพัฒนาการ เขตสวนหลวง กทม.
- แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กทม.
- แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กทม.
- แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กทม.
- แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม.
- ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จ.สมุทรปราการ
- ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จ.สมุทรปราการ
หากถูกกัดหรือสัมผัสสัตว์สงสัยโรคพิษสุนัขบ้า ให้ล้างแผลด้วยสบู่และรีบพบแพทย์ เพื่อรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทันที
หากพบสุนัขหรือแมวที่เสียชีวิตหรือมีอาการเข้าข่ายต้องสงสัยโรคพิษสุนัขบ้า (กระวนกระวาย ไม่อยู่นิ่ง กัดทุกอย่างที่ขวางหน้า ตัวแข็ง น้ำลายไหล ลิ้นห้อย) โทร. แจ้งกลุ่มควบคุมและพักพิงสุนัข (ประเวศ) 0 2328 7460 และ 0 2328 7355
ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าแล้วมีอาการอย่างไร?
หลังจากได้รับเชื้อ ผู้ป่วยจะยังไม่มีอาการในทันที จะมี ระยะฟักตัว ซึ่งอาจสั้นเพียง 1 สัปดาห์ หรือยาวนานกว่า 1 ปี (เฉลี่ยประมาณ 2-3 เดือน) ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความรุนแรงของบาดแผล ยิ่งแผลอยู่ใกล้สมองเท่าไร ระยะฟักตัวก็จะยิ่งสั้นลงเท่านั้น
เมื่อเชื้อไวรัสเดินทางไปถึงระบบประสาทส่วนกลางและเริ่มแสดงอาการ จะแบ่งออกเป็น 2 ระยะหลัก
1. อาการเริ่มแรก
เป็นช่วง 2-10 วันแรกที่อาการยังไม่ชัดเจนและคล้ายกับโรคทั่วไป คือ มีไข้ต่ำๆ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อาการที่จำเพาะ มีอาการคัน เจ็บ หรือรู้สึกเหมือนมีมดไต่ (Paresthesia) บริเวณบาดแผลที่ถูกกัด ทั้งๆ ที่แผลอาจหายดีแล้ว
2. อาการทางระบบประสาท
หลังจากระยะแรก ผู้ป่วยจะแสดงอาการทางระบบประสาทอย่างชัดเจน ซึ่งแบ่งได้ 2 รูปแบบหลัก คือ แบบคลุ้มคลั่ง ก้าวร้าว เป็นรูปแบบที่พบได้บ่อยที่สุด ประมาณ 80% ผู้ป่วยจะมีอาการตื่นตัวสูง กระสับกระส่าย สับสน และอาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว
อาการกลัวน้ำ เป็นอาการเด่นของโรค ผู้ป่วยจะเจ็บปวดอย่างรุนแรงเมื่อพยายามกลืนของเหลว ทำให้เกิดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจและการกลืน เพียงแค่เห็นน้ำหรือได้ยินเสียงน้ำไหลก็สามารถกระตุ้นอาการได้
อาการกลัวลม อาการเกร็งจะถูกกระตุ้นได้ง่ายแม้เพียงมีลมพัดมาถูกผิวหนัง
ไวต่อแสงและเสียง ในท้ายที่สุดจะเกิดอาการชักเกร็ง เป็นอัมพาต และเสียชีวิตในที่สุด
แบบซึม หรือ อัมพาต พบได้น้อยกว่า ผู้ป่วยจะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงและเป็นอัมพาตอย่างช้าๆ โดยมักเริ่มจากบริเวณที่ถูกกัด ผู้ป่วยจะค่อยๆ ซึมลง หมดสติ และเข้าสู่ภาวะโคม่าก่อนจะเสียชีวิต
ติดเชื้อพิษสุนัขบ้ารักษาหายไหม?
หากผู้ป่วยเริ่มแสดงอาการของโรคพิษสุนัขบ้าแล้ว จะไม่สามารถรักษาให้หายได้ และอัตราการเสียชีวิตสูงเกือบ 100% การรักษาในโรงพยาบาลจะเป็นเพียงการดูแลตามอาการ เพื่อลดความเจ็บปวดทรมานของผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด
หัวใจสำคัญของการรอดชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าคือ การป้องกันทันทีหลังสัมผัสเชื้อ หากท่านถูกสุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัดหรือข่วน ต้องปฏิบัติดังนี้ทันที
- ล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาดอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 15 นาที เพื่อกำจัดเชื้อไวรัสให้ได้มากที่สุด จากนั้นใส่ยาฆ่าเชื้อ
- ไม่ว่าแผลจะเล็กน้อยแค่ไหน หรือสัตว์ตัวนั้นจะมีเจ้าของและเคยฉีดวัคซีนหรือไม่ก็ตาม ต้องรีบไปโรงพยาบาลเพื่อประเมินความเสี่ยง
- แพทย์จะพิจารณาให้วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies Vaccine) และอาจฉีดแอนติบอดีหรือภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Rabies Immunoglobulin) รอบๆ แผล เพื่อทำลายเชื้อไวรัสทันทีก่อนที่เชื้อจะเดินทางเข้าสู่ระบบประสาท
วิธีสังเกตอาการสุนัขที่อาจเป็นโรคพิษสุนัขบ้า
เมื่อเชื้อพิษสุนัขบ้าเข้าสู่ระบบประสาท อาการของสุนัขจะปรากฏออกมาอย่างชัดเจนในสองรูปแบบหลัก รูปแบบแรกคือ รูปแบบดุร้าย ภาพจำของสุนัขบ้าที่ผู้คนคุ้นเคย สุนัขจะเปลี่ยนไปเป็นสัตว์ที่ก้าวร้าวอย่างรุนแรง หงุดหงิด และอาจไล่กัดทุกสิ่งที่ขวางหน้าโดยไม่มีเหตุผล พฤติกรรมที่เคยเชื่องจะหายไปสิ้นเชิง กลายเป็นความหวาดระแวง ไม่รู้จักเจ้าของ วิ่งวนอย่างไร้จุดหมาย ไวต่อสิ่งกระตุ้นรอบตัวอย่างแสงและเสียงอย่างยิ่ง กล้ามเนื้อกล่องเสียงและลำคอที่เริ่มเป็นอัมพาตจะทำให้เสียงเห่าของมันผิดเพี้ยนไปและไม่สามารถกลืนน้ำลายได้ จนมีลักษณะเหมือนน้ำลายฟูมปาก
ทว่ารูปแบบที่น่ากังวลและพบได้บ่อยกว่าคือ รูปแบบซึม ซึ่งอาจทำให้คนเข้าใจผิดว่าสุนัขเพียงแค่ไม่สบาย สุนัขในระยะนี้จะดูอ่อนแรง ไม่มีชีวิตชีวา ไม่กินอาหาร และมักหลบซ่อนตัวเงียบๆ อาการเด่นชัดคืออัมพาตเฉพาะส่วน โดยเฉพาะบริเวณขากรรไกรที่จะค้างจนปากหุบไม่สนิท ทำให้ลิ้นห้อยและน้ำลายไหลตลอดเวลา ทั้งยังไม่สามารถกลืนอาหารหรือน้ำได้ จนอาจทำท่าเหมือนมีอะไรติดคอ อัมพาตนี้มักจะเริ่มจากขาหลังก่อนจะลุกลามไปทั่วร่างกาย ไม่ว่าสุนัขจะแสดงอาการในรูปแบบใดก็ตาม ส่วนใหญ่มักจะเสียชีวิตภายใน 10 วันหลังอาการปรากฏ และที่สำคัญคืออาการแบบซึมนั้นพบได้บ่อยกว่าแบบดุร้ายมาก
ติดตาม The Thaiger บน Google News: