พรรคประชาชาติเอาจริง ฟ้องหมิ่นประมาทผู้กองปูเค็ม

ฟ้องผู้กองปูเค็ม – วันที่ 9 ธ.ค. พรรคประชาชาติ รายงาน นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 นราธิวาส เป็นตัวแทนพรรคประชาชาติ เดินทางมาแจ้งความยัง สภ.บาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ต่อ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม จากกรณีผู้กองปูเค็ม โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กในทำนองหมิ่นประมาทพรรคประชาชาติและพรรคอนาคตใหม่ ว่าเป็นเครือข่ายกลุ่มก่อเหตุรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งยังเชื่อมโยงกล่าวหาพรรคการเมืองหนึ่งของมาเลเซียว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังด้วย ซึ่งที่ผู้กองปูเค็มกล่าวหาไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำผิดข้อหาหมิ่นประมาท

ดังนั้นทางพรรคประชาชาติจึงตัดสินใจมาแจ้งความดำเนินคดีผู้กองปูเค็ม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 “ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท”

“สิ่งที่ผู้กองปูเค็มโพสต์กล่าวร้ายว่าพรรคประชาชาติและพรรคอนาคตใหม่เป็นเครือข่ายแนวร่วมกลุ่มก่อเหตุรุนแรง ไม่เป็นความจริง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดและนับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งคือการกล่าวหาพรรคการเมืองประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งการกล่าวร้ายและพยายามโยงกับความไม่สงบเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว พรรคประชาชาติจึงต้องป้องกันตนจากคำกล่าวหา เพราะถ้าถูกกล่าวหาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ทำให้ผู้คนเข้าใจพรรคประชาชาติในทางผิด”

ภาพจาก: ทนายแวยูแฮ

ติดตามข่าวสารจาก The Thaiger ได้ทางเฟซบุ๊ก.

อัจฉริยะ เช็กบิล 30 สส-ขรก ยื่นสอบครอบครองที่ดินโดยชอบหรือไม่

คืบหน้ากรณี ดินส.ป.ก. จำนวน 684 ไร่ บริเวณฟาร์มไก่ เขาสนฟาร์มของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.เขต 3 ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่นางสาวปารีณา ได้ทำหนังสือถึงส.ป.ก. ขอคืนที่ดินส.ป.ก.ที่มีข้อพิพาท โดยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และคณะได้ลงตรวจสอบรับมอบ ก่อนจะจัดสรรที่ดินให้เกษตรกรได้ที่ทำกินต่อไป

ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ส.ป.ก.ไม่มีการดำเนินคดี เนื่องจากน.ส.ปารีณาครอบครองมาก่อนที่จะประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ขณะที่นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย (รป.) และ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี ได้แสดงความคิดเห็นไปในทำนองเดียวกันว่า สามารถดำเนินคดีข้อหาบุกรุกต่อนางสาวปารีณาได้ มิเช่นนั้นอาจโดน ม.157

ล่าสุดวันนี้ (9 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางมา กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บก.ปทส. เพื่อขอให้ตรวจสอบ และสืบสวนสอบสวนบรรดสนักการเมือง ทั้ง ส.ส. ส.ว. ที่ถือครองพื้นที่ป่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีจำนวนทั้งหมด 30 ราย เป็น สส. 21 ราย ส.ว. 5 ราย และบุคคลทั่วไป 4 ราย อยากจะให้ตรวจสอบการได้มาว่าถูกต้องหรือไม่

นายอัจฉริยะ ระบุว่า ในบรรดานักการเมืองที่ตนมายื่นชื่อมีทั้งพรรคฝ่ายค้านและรัฐบาล เช่น พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรครวมพลังประชาขาติไทย เป็นต้น หนึ่งในนั้น คือ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครอบครองพื้นที่ ภ.ท.บ.5 จำนวน 120 ไร่ ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้ยังพบว่ามีนักการเมืองบางคนครอบครองพื้นที่ป่าสงวน พื้นที่ ส.ป.ก. กว่า 300 ไร่

ขณะประเด็นที่ดินของนางสาวปารีณานั้น นายอัจฉริยะยืนยันว่า คดีครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. เป็นความผิดทางอาญาไม่สามารถยอมความได้ แม้จะคืนที่ดินแล้วก็ตาม แล้วเช่นนั้นทำไมที่ผ่านถึงมีกรณีของชาวบ้านถูกดำเนินคดี วันที่ 11 ธ.ค. นี้ ตนจะเดินทางไปจังหวัดราชบุรี เพื่อแจ้งความกับราชการทุกคนที่เกี่ยวข้อตามความผิด ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ ผบก.ปทส. กล่าวว่า จะรับเรื่องเพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป หากมีข้อสงสัยจะติดต่อนายอัจฉริยะมาให้สอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป

 

ติดตามข่าวสารจาก The Thaiger ได้ทางเฟซบุ๊ก.

อธิบดีอัยการยกฎีกา บุกรุกที่ดินยังไงก็ผิด ‘เอาที่ไหนมาพูดว่าไม่ต้องดำเนินคดีอาญา’

คืบหน้ากรณี ดินส.ป.ก. จำนวน 684 ไร่ บริเวณฟาร์มไก่ เขาสนฟาร์มของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.เขต 3 ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่นางสาวปารีณา ได้ทำหนังสือถึงส.ป.ก. ขอคืนที่ดินส.ป.ก.ที่มีข้อพิพาท โดยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และคณะได้ลงตรวจสอบรับมอบ ก่อนจะจัดสรรที่ดินให้เกษตรกรได้ที่ทำกินต่อไป

ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ส.ป.ก.ไม่มีการดำเนินคดี เนื่องจากน.ส.ปารีณาครอบครองมาก่อนที่จะประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน

ล่าสุด ต่อกรณีเรื่องผิดไม่ผิดในการครอบครองที่ดินโดยไม่มีสิทธิ นั้น นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ดังนี้

“เมื่อพิจารณาตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๕๑๘๙/๒๕๕๘ ที่ได้นำเสนอไปเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ ซึ่งวางบรรทัดฐานไว้ว่า “ในขณะที่ผู้ร้องกระทำความผิดคดี ผู้ร้องจึงยังไม่เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินเกิดเหตุ การจัดสรรที่ดินเพื่อการปฏิรูปที่ดินยังไม่เสร็จสิ้น ที่ดินเกิดเหตุจึงยังมีสภาพเป็นที่ป่าสงวนแห่งชาติอยู่ การกระทำของผู้ร้องจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๐๗ มาตรา ๑๔, ๓๑ วรรคหนึ่ง แม้ต่อมาผู้ร้องจะได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินซึ่งรวมถึงที่ดินเกิดเหตุ ก็เป็นเพียงทำให้การครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินของผู้ร้องนับแต่วันที่ได้รับอนุญาตไม่เป็นความผิดต่อกฎหมาย แต่ไม่มีผลเป็นการลบล้างการกระทำความผิดก่อนหน้าที่ผู้ร้องจะได้รับอนุญาต”

จึงสรุปเป็นข้อกฎหมายได้ว่า ถ้าเราเข้าไปครอบครองที่ดินของผู้อื่นโดยที่เรา “ไม่มีสิทธิ” ในที่ดินของผู้อื่น ยังไงเสียก็เป็นความผิดฐานบุกรุก ถ้าที่ดินนั้นเป็นของเอกชนก็เป็นความผิดฐานบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒, ๓๖๕ (ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับ ไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๖๑๖/๒๕๓๙ แต่ถ้าที่ดินนั้นเป็นที่ดินของรัฐในเขตป่าไม้ก็เป็นความผิดฐานแผ้วถ่าง ก่นสร้าง ตาม พรบ ป่าไม้ มาตรา ๕๔.มาตรา ๗๒ ตรี (ในกรณีความผิดได้กระทำ เป็นเนื้อที่เกินยี่สีบห้าไร่ ผู้กู้ระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท) แต่ถ้าเป็นที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติก็เป็นความผิดฐานยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรือ อยู่อาศัยในที่ดินก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติ ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ มาตรา ๑๔ , ๓๑ (ถ้าได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่ระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาท ถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท)

เมื่อคุณ “ไม่มีสิทธิที่จะครอบครองที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย” ยังไงก็เป็นความผิด แม้จะคืนที่ดินให้แก่รัฐแล้วก็ตาม ผิดต้องเป็นผิด เอาที่ไหนมาพูดว่าไม่ต้องดำเนินคดีอาญา ถ้าผู้มีหน้าที่ดูแลที่ดินของรัฐ ไม่ดำเนินคดีอาญาแก่ผู้กระทำความผิด ก็จะมีความผิดฐานละเว้นตามประมวกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ ส่วน “ผู้ใหญ่” ที่พูดอาจโดยข้อหาสนับสนุน ร่วมด้วยซวยด้วยกัน อย่าช่วยกันจนออกนอกหน้าเลยครับ เพราะไม่ใช่ที่ดินของเอกชนที่จะดำเนินคดีก็ได้ไม่ดำเนินคดีก็ได้ ขอร้องเถอะครับ แล้วอย่าลืมเรียกค่าเสียหายตามมูลละเมิดด้วยนะขอรับ

ภาพจาก: ช่องONE31

ติดตามข่าวสารจาก The Thaiger ได้ทางเฟซบุ๊ก.